สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

สันทิฏฐิโกจากผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร

จิตที่ยังมีอวิชชาหรือยังไม่หลุดพ้น ล้วนเป็นเพื่อน ทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จิตที่ติดในแต่ละภพภูมิต่างๆ ก็มีทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น เพราะยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น

จิตที่คิดดีทำดีแม้จะได้ไปยังภพภูมิที่ดี เสวยสุข สำราญ ไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใดๆ แต่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด อยู่ใน สังสารวัฏ ตามกาลเวลาของแต่ละภพภูมิ และจิตที่คิดไม่ดีทำไม่ดี จะไปอยู่ในภพภูมิที่ไม่ดี ทุกข์ทรมานในบาปกรรมที่ก่อไว้ ยังมีหมดเวลาในภพภูมินั้นๆ เวียนว่ายตายเกิด เช่นกัน

เพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ล้วนไม่รู้ทันตามสภาวะความเป็นจริง ยังไม่รู้สัจธรรมที่แท้จริง ย่อมนำไปสู่การหลงผิด ปรุงแต่งจิตไปทั้ง บุญและบาป เป็นธรรมดา จึงมีภพภูมิที่รองรับ แต่ละรูปแบบของกรรมทั้งบุญและบาปที่แต่ละจิตสร้างไว้ จนกว่าจะบรรลุนิพพาน หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

ฉะนั้นเมื่อไม่รู้ตามความจริง ของสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ไม่ใช่ตัวตน(อนัตตา) ทุกสรรพสิ่งเป็นเพียงมายาสมมุติเสมือนจริง เป็นเพียง ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ แต่เรายังหลงคิดว่าเป็นตัวตน มีตน มีคน มีเพศชาย-หญิง มีสัตว์ มีสิ่งของ มีโลก มีจักรวาล สิ่งเหล่านี้เป็น สังขตธรรม มีเหตุปัจจัยทำให้เกิด เมื่อหมดเหตุปัจจัย สภาพธรรมนั้นๆ ก็ดับลงไป เป็นธรรมดา

เพราะไม่รู้(อวิชชา) จึงคิดว่ามีตัวตนจริงๆ(อุปาทาน) จึงหลงไขว่คว้าสิ่งที่ชอบพอใจเก็บไว้(ตัณหา) สิ่งใดไม่พอใจจึงเกิดโทสะ แสดงอาการกิริยาต่างๆ ออกมา เกิดเป็นกรรมต่างๆ แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านั้น มิใช่ตัวตนใครเขาหรือเรา แต่เพราะหลงคิดว่าสังขารเหล่านั้นเป็นเรา จึงเกิดการนึกคิดปรุงแต่งสร้างกรรมไปตามความไม่รู้ เกิดเป็นภพชาติ ไม่จบไม่สิ้น

สังขารธรรม คือ ธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง เมื่อปรุงแต่งแล้วเรียกว่า สังขตธรรม เป็นสภาพธรรมที่มี เกิด-ดับ เป็นธรรมดา ยึดมั่นถือมั่นใดๆ ไม่ได้เลย จิตตสังขาร จิตที่มีอวิชชา ไม่ใช่ตัวตนของใคร(อนัตตา) เช่นกัน เป็นเพียงอาการของสังขารที่แสดงออกมาด้วยความไม่รู้ เมื่อไม่รู้ย่อมทำให้เกิดความผิดพลาดเข้าใจผิดเป็นธรรมดา มีบาปกรรมติดตามมาเป็นธรรมดา มนุษย์ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด

"คนเรานี้ย่อมมีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ เป็นบุญ หรือเป็นบาป เมื่อยังมีชีวิต อยู่ กรรมนั้นจักเป็นทายาท ให้เราได้รับผลของกรรมนั้นสืบต่อๆไป" เถระธรรมพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล

ในเมื่อไม่มีตัวตนใครเขาเราเธอจริงๆ แล้ว การ "อาฆาตจองเวร" ย่อมไม่เป็นผลดีต่อใครๆ มีแต่จะสร้างภพภูมิมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น หากเราย้อนมองดูว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็น เพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อเห็นภัยของการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นเหตุแห่งทุกข์แล้วนั้น เราควร "อโหสิกรรม" ให้กันและกัน เพื่อ "ปลดเปลื้อง พันธนาการ" ที่มีต่อกันให้จบลงไป แล้วเดินหน้าปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีและที่จะทำให้เราหลุดพ้น "วัฏสงสาร" ไม่ต้องทุกข์ เวียนว่ายตายเกิด ตลอดกาล


พิมพ์