ปริยัติธรรม
หนังสือ สังสารวัฏ โดย สุรีย์ มีผลกิจ
**ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้า ๔๑๔-๔๒๓ ปุริสวิมานวัตถุ มัณฑูกเทวปุตตวิมาน แสดงสัตว์ จากเดรัจฉานภูมิ สู่เทวโลก ความว่า
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ริมฝั่งสระโบกขรณี ชื่อ คัคครา นครจัมปา ในเวลาใกล้รุ่ง พระองค์ทรงเข้า มหากรุณาสมาบัติอันเป็นพุทธอาจิณวัตร ทรงออกจากสมาบัติแล้วตรวจดูเหล่าเวไนยสัตว์พวกที่ พอแนะนําได้ทรงเห็นว่า เวลาเย็นวันนี้ เมื่อเรากําลังแสดงธรรม กบตัวหนึ่งถือนิมิตในเสียงของเรา จักตายด้วยความพยายามของผู้อื่น แล้วไปบังเกิดในเทวโลก อันจักทําให้มหาชนเห็นเธอพร้อมด้วยเทพบริวาร และชนเป็นอันมาก จักได้ตรัสรู้ธรรมในที่นั้น
ในเวลาเช้า ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในจัมปานคร พร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่ เสวยภัตหารเสร็จแล้วเสด็จเข้าพระวิหาร เมื่อภิกษุทั้งหลายทําวัตรปฏิบัติแล้ว ไปที่พักกลางวันของตนๆ พระองค์ก็เสด็จ เข้าพระคันธกุฎี ทรงใช้เวลาครึ่งวันให้หมดไปด้วยสุขในผลสมาบัติ เวลาเย็นเมื่อบริษัท ๔ มาประชุมกัน เสด็จเข้ามณฑปศาลาประชุมธรรมริมฝั่งสระโบกขรณี ประทับนั่งเหนือบวรพุทธอาสน์ที่ประดับไว้ ทรงเริ่มแสดงธรรม
ขณะนั้น กบตัวหนึ่งขึ้นมาจากสระโบกขรณี นอนหมอบอยู่ท้ายบริษัท ถือนิมิตในพระสุรเสียง ด้วยเข้าใจว่านี้เป็นเสียงพระธรรม ขณะนั้นคนเลี้ยงลูกโคคนหนึ่งมายังที่นั้น ยืนถือไม้ที่ต้อนโค เห็นพระศาสดากําลัง แสดงธรรม แลเห็นบริษัท กําลังฟังธรรมอย่างสงบเงียบ เขาส่งใจไปตามกระแสธรรม ไม่ทันเห็นกบที่นอนหมอบอยู่ จึงได้ยืนปักไม้บนหัวกบ กบนั้นกําลังมีจิตเลื่อมใสในพระสุรเสียงด้วยธรรมสัญญา ทํากาละตายในขณะนั้นเอง ไปบังเกิดในวิมานทอง ๑๘ โยชน์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เหมือนหลับแล้วตื่นขึ้น เห็นตนมีหมู่นางอัปสรแวดล้อม คิดว่า เรามาแต่ไหนจึงบังเกิดในที่นี้ นึกทบทวนเห็นชาติก่อนว่า เราบังเกิดในที่นี้เพราะถือนิมิตในพระสุรเสียงของ พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า นี้เรียกว่าธรรม
มัณฑูกเทพบุตรนั้นมาพร้อมด้วยวิมานในขณะนั้น ลงจากวิมานทั้งที่มหาชนเห็นอยู่เข้าไปถวายบังคม พระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า แล้วยืนประคองอัญชลีนมัสการอยู่ ด้วยอานุภาพทิพย์อัน ยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยบริวารหมู่ใหญ่
ลําดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อจะทรงแสดงผลแห่งกรรม และพุทธานุภาพให้ประจักษ์แก่มหาชน จึงตรัสถามว่า ใครหนอรุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ ด้วยยศ มีวรรณะงาม ทําทุกทิศให้สว่างไสว กําลังไหว้เท้าของเรา
เทพบุตรนั้นกราบทูลว่า เมื่อชาติก่อน ข้าพระองค์เป็นกบอยู่ในน้ำ กําลังฟังธรรมของพระองค์อยู่ คนเลี้ยงโคก็ฆ่าเสีย ขอพระองค์โปรดดูฤทธิ์และยศ ดูอานุภาพและความรุ่งเรืองของความเลื่อมใสแห่งจิต เพียงครู่เดียวของข้าพระองค์ ข้าแต่พระโคดม หากว่ามหาชนเหล่าใด ได้ฟังธรรมของพระองค์ตลอดกาลยาวนาน ชนเหล่านั้นชื่อว่าทําลายสังสารวัฏ ไปในที่ใดไม่พึ่งหวั่นไหว เพราะจักถึงสันติบทคือพระนิพพาน
ลําดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมอันควรแก่อุปนิสัยสมบัติของเทพบุตร และของบริษัทที่ประชุมนั้น จบเทศนา เทพบุตรนั้นตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล สัตว์แปดหมื่นสี่พันได้ตรัสรู้ธรรม มัณฑูกเทพบุตร ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า กระทําประทักษิณ กระทําอัญชลีแด่ภิกษุสงฆ์พร้อมด้วยบริวารแล้วกลับยังเทวโลก