สันทิฏฐิโกจากผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร
นายสังขาร (จิตตสังขาร)
มีสติรู้ทันสังขารปรุงแต่ง มีวิชชาปัญญาแท้จริง ไม่ยึดสังขารเป็นตัวตน ไม่หลงอารมณ์จิตตสังขาร ไม่คล้อยตามอารมณ์ ไม่เผลอไผลกลายเป็นสังขาร รู้เท่าทันสังขาร รู้เท่าทันความนึกคิดปรุงแต่ง อยู่กับรู้ แค่รู้ รู้ตามความเป็นจริง รู้ตามธรรมชาติ เช่นนั้นเอง
ผู้ปฏิบัติขัดเกล้ากิเลสออกจากจิตจากใจได้แล้ว จะรู้ว่าเราตกเป็นทาสสังขารมาหลายภพชาตินับไม่ถ้วน หากเราเป็นนักสู้จริง จะต้องเอาชนะสังขารให้ได้ อย่าได้ตกเป็นทาส ทำตามมันโดยไม่รู้ตัว จงเรียนรู้วิธีเอาชนะสังขาร ด้วยการรู้เท่าทันความปรุงแต่งของจิตตสังขาร แล้วเราจะพ้นจากการเป็นทาสสังขาร พ้นจากความไม่รู้ พ้นจากอัตตาตัวตน เป็นอิสระสมบูรณ์ หลุดพ้นวัฏฏทุกข์ได้
ทาสสังขาร (จิตตสังขาร)
ก่อนจะมีวิชชาความรู้จริงรู้แจ้งเห็นจริง เราตกเป็นทาสสังขาร พอสังขารปรุงแต่งเกิดขึ้น เราคล้อยตามความนึกคิดเหล่านั้น จมอยู่ในความไม่รู้ นอนเนื่องในความมืดมน ไม่สามารถรู้เท่าทันสังขารปรุงแต่งเหล่านั้น กลายเป็นตัวสังขารไปตลอดเวลา โดยไม่สามารถจะรู้เท่าทันสังขารได้
เมื่อจิตตสังขารเกิดการปรุงแต่ง อาการของจิตหรือกริยาของจิต(เจตสิก) เช่น ราคะ, โทสะ,โมหะ ขึ้นมาแล้ว เราหลงคล้อยตามโดยไม่รู้ตัว เพลิดเพลินมัวเมาไปกับอาการเหล่านั้น จนกลายเป็นขันธสันดาน ติดอยู่ในจิตในใจ ข้ามภพข้ามชาติ ไม่อาจจะต่อสู้กับความรู้ไม่ทันของสังขารได้
อธิบายเพิ่มเติม
จิตตสังขาร- มโนสัญญาเจตนา เป็นจิตตสังขาร สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
- สัญญาและเวทนา เป็นจิตตสังขาร เพราะสัญญาและเวทนาเป็นธรรมมีในจิต เนื่องด้วยจิต ฉะนั้นสัญญาและเวทนา จึงเป็นจิตตสังขาร
- บุคคลย่อมปรุงแต่งมโนสังขารอันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นด้วยตนเองบ้าง หรือบุคคลอื่นย่อมปรุงแต่งมโนสังขารของบุคคลนั้น อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นบ้าง หรือบุคคลรู้สึกตัวย่อมปรุงแต่งมโนสังขารอันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นบ้าง
อ้างอิง :
- ปัจจยาการวิภังค์ พระไตรปิฎกฉบับหลวง เล่มที่ ๓๕ ข้อที่ ๒๕๗ หน้า ๑๓๒
- จูฬเวทัลลสูตร พระไตรปิฎกฉบับหลวง เล่มที่ ๑๒ ข้อที่ ๕๐๙ หน้า ๓๙๐
- สัญเจตนิยวรรค พระไตรปิฎกฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ ข้อที่ ๑๗๑ หน้า ๑๕๔