พ่อแม่เป็นอรหันต์ของลูก จริงหรือไม่

พ่อแม่เป็นอรหันต์ของลูก จริงหรือไม่

ปริยัติธรรม

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต เทวทูตวรรคที่ ๔ พรหมสูตร

หลายคนคงเคยได้ยินการเปรียบมารดาบิดาว่าเป็นพระอรหันต์ในบ้าน เพราะรู้เพียงว่า "พระอรหันต์" คือผู้ประเสริฐ แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เช่นนี้ ท่านเปรียบมารดาบิดาผู้เลี้ยงดูบุตรด้วยธรรมว่าเป็นพระพรหม ดังพรหมสูตร..

[๔๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สกุลใดบุตรบูชามารดาบิดาในเรือนตน สกุลนั้นมีพรหม สกุลใดบุตรบูชามารดาบิดาในเรือนตน สกุลนั้นมีบุรพาจารย์ สกุลใดบุตรบูชามารดาบิดาในเรือนตน สกุลนั้นมีอาหุไนยบุคคล ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย คำว่าพรหมนี้ เป็นชื่อของมารดาและบิดา คำว่าบุรพาจารย์นี้ เป็นชื่อ ของมารดาและบิดา คำว่าอาหุไนยบุคคลนี้ เป็นชื่อของมารดาและบิดา ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตร ฯ

มารดาบิดาผู้อนุเคราะห์บุตร ท่านเรียกว่าพรหม ว่าบุรพาจารย์ และว่าอาหุไนยบุคคล เพราะฉะนั้น บัณฑิตพึงนมัสการและ สักการะ มารดาบิดา ด้วยข้าว น้ำ ผ้า ที่นอน การ อบกลิ่น การให้อาบน้ำ และการล้างเท้าทั้งสอง เพราะการ ปรนนิบัติในมารดาบิดา นั้นแล บัณฑิตย่อมสรรเสริญเขาใน โลกนี้เอง เขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์ ฯ

ที่มา : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต เทวทูตวรรคที่ ๔ พรหมสูตร

มีใจความสรุปว่า ถ้ามีลูกแล้วอุปการะเลี้ยงดูลูก ช่วยให้ลูกรู้จักโลก รู้จักชีวิต ก็จะเป็นพ่อแม่ผู้สมควรได้รับการบูชา อีกทั้งนับว่าสกุลนั้นมีพระพรหมอันควรบูชาอยู่ในเรือน ลูกผู้มีใจสูงจึงพึงกราบไหว้พ่อแม่ ปรนนิบัติท่านต่างๆ นานา ไม่ต่างจากคิดถวายการปรนนิบัติต่อพระพรหม พูดง่ายๆว่า พ่อแม่ดีก็เปรียบเหมือนพระพรหมได้ตั้งแต่ยังเป็นมนุษย์

ส่วนในเหตุที่พระศาสดาไม่เปรียบมารดาบิดาเป็นพระอรหันต์ คงเป็นเพราะมารดาบิดาหลายท่านยังเต็มไปด้วยกิเลส โทสะ และโมหะ ทว่าเมื่อจดจำไว้ผิด บอกต่อกันผิดๆว่าพระอรหันต์ที่บ้านคือพ่อแม่ อย่างนี้พ่อขี้เมาบางคนกลับถึงบ้าน เห็นลูกวิ่งหนี ก็ประกาศลั่นว่า "นี่จะวิ่งหนีพระอรหันต์เหรอ บาปนะเอ็ง กลับมากราบพระอรหันต์ซะดีๆ" ซึ่งเมื่อลูกได้ยินอย่างนี้เข้า ก็คงยากที่จะศรัทธาพุทธศาสนาต่อไป ด้วยคิดว่าพระพุทธเจ้าคงตรัสอะไรไว้ผิดแน่ๆ วันนี้จึงขอให้จดจำกันใหม่ ว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่าพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก มีแต่คนไทยเท่านั้นที่จำไว้อย่างนี้

ในปัจจุบันนี้เราจะเห็นข่าวเกี่ยวกับการกระทำความผิดในครอบครัวมากมาย เช่น ลูกฆ่าพ่อ, พ่อฆ่าลูก, ลูกฆ่าแม่, แม่ฆ่าลูก, พ่อข่มขื่นลูก เป็นต้น เพราะอะไรจึงกระทำความผิดเหล่านี้ เพราะไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลูก ล้วนแต่เป็นผู้ที่ยังมีกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ กันทั้งนั้น จึงทำให้เกิดการกระทำอกุศลกรรมเช่นนี้

ดังในพระสูตรที่จะยกตัวอย่าง

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับมหามกุฏฯ) เล่มที่ ๔๙ สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่มที่ ๒ ภาคที่ ๑

อุตตรมาตุเปติวัตถุ : ว่าด้วยลูกให้ทาน ไม่พอใจตายเป็นเปรต

[๑๐๗] นางเปรตมีผิวพรรณน่าเกลียดน่ากลัว มีผมยาวห้อยลงมาจดพื้นดิน คลุมตัวด้วยผม เข้า ไปหาภิกษุอยู่ในที่พักกลางวัน นั่งอยู่ริมฝั่ง แม่น้ำคงคา ได้กล่าวกะภิกษุนั้นดังนี้ว่า ข้าแต่ ท่านผู้เจริญ ดิฉันตั้งแต่ตายมาจากมนุษยโลก ยังไม่ได้บริโภคข้าวหรือดื่มน้ำเลย ตลอดเวลา ๕๕ ปีแล้ว ขอท่านจงให้น้ำดื่มแก่ดิฉันผู้กระหาย น้ำด้วยเถิด.

ภิกษุนั้นกล่าวว่า แม่น้ำคงคามีน้ำเย็นใสสะอาด ไหลมาแต่ เขาหิมพานต์ ท่านจงตักเอาน้ำจากแม่น้ำคงคานั้น ดื่มเถิด จะมาขอน้ำกะเราทำไม.

นางเปรตกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ถ้าดิฉันตักน้ำในแม่น้ำ คงคานี้เองไซร้ น้ำนั้นย่อมกลับกลายเป็นเลือด ปรากฏแก่ดิฉัน เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงขอน้ำแก่ ท่าน.

ภิกษุนั้นถามว่า ท่านได้ทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา ใจหรือ น้ำในแม่น้ำคงคงจึงกลายเป็นเลือดปรากฏ แก่ท่าน.

นางเปรตนั้นกล่าวว่า :- ดิฉันมีบุตรคนหนึ่งชื่ออุตตระ เป็นอุบาสก มีศรัทธา เขาได้ถวายจีวร บิณฑบาต ที่นอน ที่นั่ง และคิลานปัจจัย แก่สมณะทั้งหลายด้วยความไม่ พอใจของดิฉัน ดิฉันถูกความตระหนี่ครอบงำ แล้วด่าเขาว่า เจ้าอุตตระ เจ้าถวายจีวร บิณฑบาต ที่นอน ที่นั่งและคิลานปัจจัย แก่สมณะทั้งหลาย ด้วยความไม่พอใจของเรานั้น จงกลายเป็นเลือด ปรากฏแก่เจ้าในปรโลก เพราะวิบากแห่งกรรม นั้น น้ำในแน่น้ำคงคาจึงกลายเป็นเลือดปรากฏ แก่ดิฉัน.

กล่าวสรุป พ่อแม่ที่ดีนั้นมีมากมายเหลือเกิน แต่ไม่ว่าอย่างไร หากยังมีกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ อยู่ในขันธสันดาน ก็ย่อมสามารถทำทั้งดีทั้งชั่วปะปนกันไปอยู่ร่ำไปเป็นธรรมดา

ความหมายของพระอรหันต์

  • ไกลจากกิเลส
  • กำจัดกิเลสได้หมดสิ้น
  • เป็นผู้หมดสังสารวัฏ คือ การเวียนว่ายตายเกิด
  • เป็นผู้ควรแก่การบูชาพิเศษของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย
  • ไม่มีที่ลับในการทำบาป ไม่มีความชั่วเสียหายที่จะต้องปิดบัง

พิมพ์