ปริยัติธรรม
หนังสือ พระพุทธวจนะ คาถาธรรมบท จาก...พระไตรปิฎก
ผู้กระทำบุญไว้แล้ว ย่อมร่าเริงใจในโลกนี้, ละไปแล้วก็ย่อมบันเทิงใจในโลกหน้า เรียกว่า จะอยู่หรือตายก็ย่อมบันเทิง เขาบันเทิง เขาร่าเริงใจยิ่งนัก เพราะเห็นกรรมที่บริสุทธิ์ของตน
อุบาสกคนหนึ่งขอฟังการสาธขยายพระสูตรก่อนตาย... เทวดาทั้ง ๖ ชั้นนำเทวรถมารอรับ
กรุงสาวัตถีมีอุบาสกผู้ตั้งอยู่ในธรรม (เรียกว่า ธัมมิกอุบาสก) ระดับผู้นำอยู่ประมาณ ๕๐๐ คน อุบาสกหนึ่งคนจะมีอุบาสกเป็นบริวาร ๕๐๐ คน, (ท่านกล่าวถึง) ธัมมิกอุบาสกคนหนึ่งมีบุตร ๗ คน ธิดา ๗ คน (รวมครอบครัวนี้มี ๑๖ คน) พวกเขาจะสลับผลัดเปลี่ยนกันถวายภัตนานาชนิด เช่น สลากภัต และสลากยาคู เป็นต้น เป็นครอบครัวที่มีศีลมีกัลยาณธรรม ยินดีในการให้ทาน ตลอดมา
ครั้นถึงกาลที่ธัมมิกอุบาสกแก่เฒ่าลง โรคอย่างหนึ่งเกิดขึ้น อุบาสกต้องการฟังธรรม จึงส่ง คนไปกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า "ธัมมิกอุบาสกใคร่จะฟังธรรม ขอพระองค์โปรดส่งภิกษุไปยังเรือน ๘ หรือ ๑๖ รูปก็ได้พระพุทธเจ้าข้า" ซึ่งทรงส่งภิกษุ (ไม่ระบุว่า ๘ หรือ ๑๖ รูป) ไปยังเรือน ภิกษุ นั่งลงยังที่ๆ เขาจัดไว้แล้ว, อุบาสกเรียนว่า "การเห็นพระคุณเจ้าทั้งหลายกระผมเห็นได้ยากแล้ว ขอให้พวกท่านจงสาธยายสูตรๆ หนึ่งแก่กระผมถิด" ภิกษุถามว่า อุบาสกจะฟังสูตร (สุตฺตํ) ไหน เล่า? ตอบว่า "สติปัฏฐานสูตรที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงแสดงขอรับ" ภิกษุเหล่านั้นจึงเริ่มต้น สูตรว่า เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา เป็นต้น
ทันใดนั้นก็มีหมู่เทวดานำเทวรถ ๖ คันมาจากสวรรค์ทั้ง ๖ มีเทวดายืนอยู่บนรถของตนๆ ให้อุบาสกเห็นและต่างกล่าวเชื้อเชิญให้อุบาสกตั้งจิตไปยังสวรรค์ของตนๆ "พวกเรามารอรับท่าน ไปยังสวรรค์ของเรา ท่านจงยินดีในจาตุมหาราชิกา...ปรนิมมานรดีเถิด ท่านเป็นเหมือนคนทิ้งภาชนะ ดิน เพื่อจะถือภาชนะทองคำ" อุบาสกเห็นว่าเทวดากำลังรบกวนการฟังธรรม จึงร้องบอกเทวดา ว่า "หยุดก่อนๆ รอก่อนๆ" ทำให้ภิกษุหยุดการสวด (สชฺฌายํ) พวกบุตรธิดาต่างร้องไห้เพราะ เข้าใจว่าพ่อของพวกเราไม่มีสติ เที่ยวพูดเพ้อเพราะกลัวตาย ภิกษุเห็นว่าไม่อาจสวดต่อไปได้แล้ว จึงลุกจากที่นั่งกลับออกไป
อุบาสกเห็นพวกเทวดาหยุดส่งเสียงแล้วก็กลับมาสนใจพวกภิกษุ ก็ไม่เห็นภิกษุ ได้ยินลูกๆ ร่ำไห้อยู่ ก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ? ลูกๆ จึงเล่าเรื่องให้ฟัง อุบาสกกล่าวว่า พ่อพูดกับพวกเทวดา เทวดนำเทวรถมารอรับพ่อๆ ไม่ได้พูดบอกให้พระ หยุดสวด, พวกลูกกล่าวว่า พวกเราไม่เห็นอะไรเลย
อุบาสกถามว่าพ่อควรจะเกิดในเทวโลกชั้นไหนดี? ตอบว่า ดุสิตภพเป็นที่น่ารื่นรมย์ เป็น ที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ พระพุทธบิดาและพระพุทธมารดา
อุบาสกก็กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็จงอธิษฐานแล้วโยนพวงมาลัยให้คล้องกับเทวรถ ชั้นดุสิต, อุบาสกพูดว่า "หากพวกเจ้าต้องการจะเกิดในดุสิตภพ ก็จงทำบุญทั้งหลายที่พ่อทำเถิด"
อุบาสตายแล้วอุบัติเป็นเทพบุตรยืนอยู่บนเทวรถชั้นดุสิต มีนางอัปสรหนึ่งพันแวดล้อมไป ยังวิมานของตน, พวกภิกษุกลับมา พระศาสดาตรัสถามว่า เป็นอย่างไร อุบาสกได้ฟังพระธรรม เทศนาแล้วหรือ? ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลเรื่องนั้นให้ทรงทราบ, ตรัสว่า อุบาสกไม่ได้ห้ามพวกเธอ แต่ห้ามพวกเทวดา...ภิกษุทูลว่า อุบาสกมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ก็บันเทิง (โมทมาโน) ในหมู่ญาติ,ตายแล้ว ยังถึงฐานะน่าบันเทิงอีกหรือ? ตรัสตอบว่า "ใช่แล้วคฤหัสถ์หรือบรรพชิตก็ตาม เมื่อไม่ประมาท ก็ย่อมบันเทิงในที่ทั้งปวงเทียว" แล้วตรัสภาษิตนี้
อธิบายพุทธภาษิต
ผู้ทำบุญไว้ได้แก่ ทำกุศลหลายอย่าง ย่อมบันเทิงใจในโลกนี้ว่า เราทำกรรมดีแล้ว เราไม่ได้ทำกรรมชั่ว, สิ้นชีวิตไปแล้วก็ย่อมบันเทิง เพราะผลแห่งกรรมดี เรียก ว่าบันเทิงทั้งสองโลก, อุบาสกนึกถึงกรรม คือ บุญที่หมดจดของตนแล้วก็บันเทิงใจในโลกนี้ ตายไปแล้วก็ย่อมปราโมทย์ในโลกหน้า (ดู ธ.อ.๑/๑๓๑-๑๓๔)
คติธรรมความรู้ ยิ่งพวกมนุษย์ทำบุญ พวกสวรรค์ก็ยิ่งร่าเริง ดุจเห็นคนในครอบครัวกำลังตั้งครรภ์ ย่อมบันเทิงเริงใจว่า พวกเราจะมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มแล้ว