ปริยัติธรรม
หนังสือนิทานบำเพ็ญบุญ 100 เรื่อง
ครั้งพุทธกาล...มีพระเถระ ๘ รูป อยู่จำพรรษาในชนบท ออกพรรษาแล้วเดินทางมุ่งไปกรุงสาวัตถีเพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ระหว่างทางพวกท่านแวะพักแรมอยู่ในป่าแห่งหนึ่งคืนนั้น นางเปรตตนหนึ่งได้ปรากฏกายให้บรรดาพระเถระเห็น พระสังฆเถระ (ภิกษุผู้มีพรรษาสูงสุด) เห็นแล้วกล่าวถามว่า "เจ้าเปลือยกาย รูปร่างหน้าตาก็แสนจะอัปลักษณ์มีกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งไปคล้ายซากศพ แมลงจำนวนมากรุมตอม เจ้าเป็นใครกัน ทำไมถึงมายืนอยู่ที่นี่"
นางเปรตกล่าวตอบด้วยความเศร้าสลดว่า
"ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดิฉันเป็นเปรต ถึงทุคติคือเกิดในยมโลก (โลกของพญายมในที่นี้หมายถึงแดนเปรต) เพราะได้ทำกรรมชั่วไว้ในครั้งเป็นมนุษย์ จึงต้องจากโลกนี้ไปสู่เปตโลก (โลกของเปรต) บาปกรรมทำให้ดิฉันคลอดลูก ๕ คน ในเวลาเช้า เกิดความหิวจึงจับลูก ๆ กินทั้งหมด เวลาเย็นดิฉันคลอดลูกอีก ๕ คน หิวแล้วจับลูก ๆ กินจนหมดอีกกระนั้นก็ยังไม่อาจบรรเทาความหิวของดิฉันได้ หัวใจของดิฉันยังเต็มไปด้วยความเร่าร้อนหมกมุ่นจมอยู่กับความหิว ตลอดเวลาดิฉันไม่ได้ดื่มน้ำที่ควรดื่มเลย พวกท่านจงเข้าใจความทุกข์ที่ดิฉันประสบอยู่เถิด"
อกุศลกรรมที่ทำให้เป็นเปรตกินลูกตัวเองครั้งละ ๕ คน
พระเถระฟังแล้วถามบาปกรรมที่นางเปรตเคยทำไว้ว่า "เมื่อก่อน เจ้าทำความชั่วอะไรไว้หรือ เจ้าจึงกินลูกของเจ้าเอง?"
นางเปรตบอกเล่าการกระทำในอดีตของนางว่า
"เมื่อก่อนดิฉันมีสามีเป็นกุฎุมพี อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี เราทั้งสองครองคู่กันอย่างมีความสุข แต่เราไม่มีบุตรด้วยกัน เพราะดิฉันเป็นหมัน ต่อมา พวกญาติฝ่ายสามีจึงคิดจะหาหญิงสาวมาให้สามีดิฉัน เพื่อให้เป็นภรรยาน้อยจะได้มีทายาทไว้สืบสกุล
ในครั้งนั้น สามีรักและเกรงใจดิฉัน จึงตอบปฏิเสธข้อเสนอของพวกญาติไป แต่ตัว ดิฉันเห็นความประสงค์ของพวกญาติแล้วจึงวิ่งวอนและอนุญาตให้สามีมีภรรยาน้อยได้ จะได้มีทายาทไว้สืบสกุล สามีจึงตอบตกลง
ครั้นเมื่อหญิงที่เป็นภรรยาน้อยตั้งครรภ์ได้ ๒ เดือน ดิฉันคิดริษยา เกรงว่านางจะได้เป็นใหญ่ในเรือนแทน ดิฉันจึงร่วมมือกับนางปริพาชิกาคนหนึ่ง หลอกให้หญิงนั้นกินยา ตกเลือด และครรภ์แท้งไป
ภรรยาน้อยได้นำเรื่องไปฟ้องแม่สามีและพวกญาติ ๆ ฝ่ายของเธอ พวกเขาเรียกดิฉันไปสอบสวน ดิฉันเกิดความหวาดกลัว พูดเท็จไปว่า ดิฉันไม่ได้ทำให้นางแท้งลูก และเพื่อเป็นการยี่นยันความบริสุทธิ์ ดิฉันจึงได้กล่าวสบถ (สาบาน) ไปว่า ถ้าดิฉันทำความชั่วจริง (ชาติหน้า) ก็ขอให้ดิฉันกินเนื้อลูกของตัวเอง ขอให้ดิฉันมีร่างกายเปื้อนหนองและเลือดของลูก ๆ ที่ถูกติฉันกิน, พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย กรรมชั่วคือการทำให้ครรภ์แท้งและการกล่าวมุสา เป็นเหตุให้ดิฉันประสบวิบากแห่งกรรมที่พวกท่านเห็นอยู่นี้แล"
นางเปรตวิงวอนขอให้พวกภิกษุช่วยเหลืออดีตสามีทำทานอุทิศให้ นางเปรตอนุโมทนาแล้วพันทุกข์หลายอย่าง
นางเปรตประกาศบาปที่เป็นเหตุให้ตนประสบทุกข์ใหญ่แล้ว ปรารถนาให้อดีตสามีช่วยอนุเคราะห์ให้ตนเองพ้นจากความทุกข์ จึงกล่าววิงวอนกับบรรดาพระเถระว่า"ข้าแต่ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ดิฉันเคยเป็นภรรยาของนายกุฎุมพีชื่อ...... ในหมู่บ้านชื่อ....... อยู่ไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี ดิฉันขอโอกาส ดิฉันปรารถนาให้พวกท่านช่วยไปที่เรือนของเขา บอกให้เขารู้ว่าดิฉันกำลังประสบทุกข์ยากอยู่ เขารู้แล้วเขาจะถวายทานแด่พวกท่านพระคุณเจ้าพึงบอกให้เขาอุทิศทักษิณา (กุศลเจตนาที่ได้ถวายทาน) นั้นถึงดิฉันด้วย (ดิฉันจะอนุโมทนา) เพื่อดิฉันจะได้หลุดพ้นจากเปตโลกนี้เสียที"
ต่อมา พระเถระทั้งหลายฟังแล้วต้องการอนุเคราะห์นาง จึงเข้าไปบิณฑบาตที่บ้านนายกุฎุมพีคนนั้น อดีตสามีของนางเปรตเห็นพวกท่านแล้วเกิดความเลื่อมใส นิมนต์เข้าเรือนให้นั่งบนอาสนะแล้วถวายอาหารประณีตให้ฉัน
ภิกษุเหล่านั้นฉันเสร็จแล้วได้แจ้งเรื่องทั้งหมดให้กุฎุมพีทราบ เขาจึงอุทิศทานนั้นแก่นางเปรตผู้เป็นอดีตภรรยา
ทันใดนั้น นางเปรต (อนุโมทนาแล้ว) ก็พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ทรมานด้วยทานที่อดีตสามีอุทิศให้ (นางมีร่างกายปกติ มีความอิ่ม ไร้ความกระหาย มีเครื่องนุ่งห่มสวยงาม)และนางได้มาปรากฏตัวให้กุฎุมพีเห็นในค่ำคืนนั้น
ฝ่ายพระเถระทั้งหลายเดินทางถึงกรุงสาวัตถีแล้ว ได้เข้าเฝ้ากราบทูลความนั้นแด่พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงปรารภเรื่องนางเปรตนี้ แล้วทรงแสดงธรรมแก่เหล่าพุทธบริษัทผู้กำลังประชุมกันอยู่
เมื่อจบพระธรรมเทศนา มหาชนเกิดความสลดใจ เห็นโทษของความริษยาและความ ตระหนี่แล้ว ละเว้นกรรมชั่วที่มีความริษยา (อิสสา) และความตระหนี่ (มัจฉริยะ) เป็นเหตุ (ดู เปต.อ.๔๘-๕๓, ขุ.เปต.ข้อ ๙๑)