ปริยัติธรรม
หนังสือ พระพุทธวจนะ คาถาธรรมบท จาก...พระไตรปิฎก
ทีฆา ชาครโต รตฺติ ทีฆํ สนฺตสฺส โยชนํ
ทีโฆ พาลาน สํสาโร สทุธมมํ อวิชานตํ.
กลางคืนของคนที่ตื่นอยู่ ย่อมยาวนาน, โยชน์เดียวของคนที่ล้าแล้ว ย่อมไกล
สังสาระของคนพาลผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม ย่อมยืดยาว
พระราชาทรงหลงรักภรรยาคนอื่น ทรงวางแผนลงโทษสามี เพื่อช่วงชิงภรรยา
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงช้างเผือกชื่อปุณฑรีกะ กระทำประทักษิณพระนครสาวัตถี ทรงเหลือบเห็นสตรีนางหนึ่งมองขบวนของพระองค์อยู่ที่หน้าต่างปราสาท ทรงนึกรักขึ้นมาทันที เสร็จพระราชกิจแล้ว ทรงให้อำมาตย์ไปสอบถามสถานภาพของสตรีนั้น, อำมาตย์กลับมาทูลว่า นางมีสามีแล้ว พระราชายังไม่คลายจากกามราคะ ทรงออกอุบายให้สามีของนางมารับราชการเพื่อจะทรงหาทางใส่ความเขา จะได้นำภรรยาของเขามาเป็นพระสนม ฝ่ายบุรุษผู้เป็นสามีก็พอจะรู้อยู่ว่า พระราชากำลังจะหาเรื่องตน จึงระมัดระวังตัวตลอด พระราชาทรงหาทางลงโทษเขาไม่ได้ จึงทรงออกอุบายให้เขาเดินทางไกล ๕ โยชน์ไปหาดอกโกมุทดอกอุบล และดินสีอรุณในแม่น้ำมาให้ได้ แล้วต้องกลับมาให้ทันก่อนประตูเมืองปิด ไม่อย่างนั้นจะถูกลงราชอาญา
บุรุษนั้นรีบเดินทาง ระหว่างทางเขาก็ให้ข้าวแก่คนเดินทาง และโปรยข้าวเลี้ยงปลาแล้ว แบ่งผลบุญให้แก่นาค ครุฑ และเทวดา, พญานาคจึงนำของทั้ง ๓ มาให้ เขากลับมาถึงก่อนค่ำ แต่ก็เข้าเมืองไม่ได้ เพราะพระราชาทรงให้ปิดประตูกรุงเร็ว เขาเหนื่อยมาก ท้อแท้ว่า เราจะถึงความพินาศแน่ๆ จึงเข้าไปนอนในพระเชตวัน
ฝ่ายพระราชาทรงคิดถึงแต่หญิงคนนั้น ทรงบรรทมไม่หลับเพราะกามราคะทำให้เร่าร้อน ทรงได้ยินเสียงประหลาด ๔ คำ คือ "ทุ, สะ, นะ, โส" รุ่งเช้าทรงเล่าให้พวกพราหมณ์ปุโรหิตฟัง พวกเขาพยากรณ์ว่า ชีวิตของพระราชากำลังตกอยู่ในอันตราย จะต้องทำการบูชายัญสัตว์อย่าง ละ ๑๐๐ เช่น ช้าง ๑๐๐ ม้า ๑๐๐ เด็กชาย ๑๐๐ เด็กหญิง ๑๐๐...เกิดความโกลาหลขึ้นขณะ นำมนุษย์และสัตว์มาบูชายัญ พระนางมัลลิกาทรงทราบแล้ว ทรงเตือนสติพระราชาว่า ทรงเป็นอันธพาล ต้องการจะมีชีวิตอยู่ด้วยการทำลายชีวิตผู้อื่น แล้วทรงนำเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระ เชตวัน...พระราชาทรงเล่าเสียงที่ได้ยินมาให้ทรงสดับ พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นเสียงของสัตว์ใน โลหกุมภีนรกลอยอยู่ปากนรกแล้วพูดได้อักษรเดียวก็จมลงไปก้นนรกอีกสัตว์นรก ๔ ตนนั้นกระทำ การล่วงเกินภรรยาของผู้อื่น พวกขาต้องการจะพูดว่า "ตอนนั้น เรามีโภคะอยู่แต่ไม่ได้ทำทาน และเราถูกไฟนรกเผาไหม้อยู่ ๖ หมื่นปีแล้ว เมื่อไรจะพ้นไปได้"...พระราชาทรงสลดพระทัย ตรัสว่า "ข้าพระองค์เพิ่งทราบความที่กลางคืนยาวนานมากเมื่อคืนนี้," บุรุษคนนั้นร่วมฟังอยู่ด้วยจึง ทูลว่า ส่วนข้าพระองค์ก็เพิ่งทราบว่า หนึ่งโยชน์ ช่างไกลมากเมื่อวานนี้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตนี้, จบพระพุทธดำรัส บุรุษคนนี้บรรลุโสดาปัตติผล ส่วนพระราชาก็ทรงยกเลิกการบูชายัญ
อธิบายพุทธภาษิต
คืนหนึ่งๆ แบ่งเป็น ๓ ยามเท่ากันทุกวัน แต่คนที่นอนไม่หลับย่อมรู้สึกว่า กลางคืนยาวนานกว่าเดิมถึง ๒-๓ เท่า แม้แต่ผู้ปรารภความเพียรตลอดคืนยังรุ่ง พระธรรมกถีกแสดงธรรมทั้งคืน, ผู้ที่ถูกโรคต่างๆคุกคาม หรือผู้ที่ประสบทุกข์หนัก เช่น ถูกตัดมือตัดเท้า และ คนเดินทางไกลตลอดคืน คนเหล่านี้ย่อมรู้ความยาวนานของราตรีนั้น, โยชน์หนึ่งยาวเพียง ๔ คาวุต แต่คนที่เหนื่อยมากแล้ว รู้สึกว่าไกลกว่าเดิมถึง ๒-๓ เท่า
คนพาล ได้แก่ คนที่ไม่รู้แจ้งประโยชน์ในโลกนี้ และประโยชน์ในโลกหน้า ย่อมไม่รู้แจ้ง โพธิปักขิยธรรม ๓๗ เป็นต้น ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายรู้แล้ว จึงกระทำที่สุดแห่งสังสารวัฏได้, สังสารวัฏของคนพาลจึงชื่อว่ายาว เป็นความยาวนานตามธรรมดาของผู้ที่ไม่อาจทำที่สุดแห่ง สังสารวัฏได้ ซึ่งผู้ที่ทำที่สุดแห่งสังสารวัฏได้ ก็คือผู้ที่รู้แจ้งพระสัทธรรม เช่น โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ เป็นต้น (ดู ธ.อ.๒/๑๒๖-๑๔๓)
คติธรรมความรู้ คนพาล หมายถึงคนที่ไม่บริหารตนให้ประสบสุขในโลกนี้ คนที่ไม่ทำเหตุเพื่อประสบสุขในโลกหน้า และคนที่ไม่บำเพ็ญสมถะวิปัสสนาจนรู้แจ้งมรรค ผล นิพพาน