ปริยัติธรรม
หนังสือนิทานบำเพ็ญบุญ 100 เรื่อง
พระธรรมเทศนานี้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล ณ พระวิหารเชตวัน ทรงแสดงบุคคล ๔ ประเภทที่ปรากฏอยู่ในโลกนี้ โดยใน ๔ บุคคลนั้น มีรายละเอียดกล่าวถึงวิบัติ (สิ่งที่ไม่ดี, ทุกข์) ๘ และสมบัติ (สิ่งที่ดี, สุข) ๘ ข้อดังนี้
วิบัติ ๘ ได้แก่
- วิบัติแห่งการมาและเหตุที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต จึงทำให้เกิดในตระกูลจัณฑาล เป็นต้น
- วิบัติแห่งปัจจัยในปัจจุบัน เช่น ความยากจน
- วิบัติแห่งวิธีหาเลี้ยงชีวิต เช่น เกิดอยู่ในตระกูลชั้นต่ำ จึงเป็นอยู่อย่างฝืดเคือง
- วิบัติแห่งอัตภาพ เช่น มีผิวพรรณทราม และพิการ เป็นต้น
- การประสบเหตุแห่งทุกข์ เช่น เจ็บป่วยบ่อย
- วิบัติในเหตุแห่งสุขและวิบัติแห่งเครื่องอุปโภค เช่น ขาดแคลนเครื่องอุปโภค บริโภคเนือง ๆ
- การทำเหตุให้ประสบความวิบัติในปัจจุบันและอนาคต เช่น ประพฤติทุจริตทางกาย
- การทำทุจริตในปัจจุบัน บ่งถึงคติภายหน้า เช่น หลังตายแล้วจะไปเกิดในอบาย
ส่วนสมบัติ ๘ ก็พึงทราบโดยนัยตรงกันข้าม เช่น สมบัติแห่งการมาและเหตุที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต จึงทำให้เกิดในตระกูลมั่งคั่ง และสมบัติแห่งปัจจัยในปัจจุบัน เช่น มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก ดังนี้เป็นตัน (ดู สํ.อ.ด/๑/๔๐๘)
บุคคลประเภทที่ ๑ : มืดมาแล้วมืดไป
ได้แก่ บุคคลเกิดในตระกูลต่ำ คือ ตระกูลจัณฑาล ตระกูลช่างจักสาน ตระกูลนายพราน ตระกูลช่างรถ (อรรถกถาว่าตระกูลช่างหนัง) หรือตระกูลคนเทขยะ เป็นตระกูลยากจน (ขัดสน) มีข้าว น้ำและสิ่งของเครื่องใช้น้อย เป็นอยู่อย่างฝืดเคือง เป็นตระกูลที่หาอาหารและเครื่องนุ่งห่มได้ยาก และเขาเป็นคนมีผิวพรรณทราม ไม่น่าดู ไม่น่ามอง เป็นคนรูปร่างเล็กแคระ มีความเจ็บป่วยมาก ตาบอด เป็นง่อย เป็นคนกระจอก (เดินขาเขยกหรือเป็นโรคอัมพาต) มักไม่ได้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พักและเครื่องประทีป และเขายังประพฤติ กายทุจริต (เช่น ฆ่าสัตว์) วจีทุจริต (เช่น พูดเท็จ)มโนทุจริต (เช่น พยาบาท)
หลังจากตายแล้ว ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
อุปมาเหมือนคนผู้ออกมาจากความมืด ก้าวเข้าไปสู่ความมืด หรือไปจากความมืดมัวเข้าสู่ความมืดมัว หรือไปจากสายเลือดชั่วสู่สายเลือดชั่ว
ตรัสสรุปถึงคนประเภทแรกนี้ว่า...
"บุรุษเข็ญใจ ไม่มีศรัทธา เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น มีความดำริชั่ว เป็นมิจฉาทิฏฐิไม่มีความเอื้อเฟื้อ ด่าบริภาษสมณะหรือพราหมณ์ หรือวณิพกอื่นๆ เขาเป็นคนไม่มีประโยชน์เป็นคนมักโกรธ ย่อมห้ามคนที่กำลังจะให้สิ่งของเครื่องใช้แก่คนที่กำลังขอ คนเช่นนั้นเมื่อตายแล้วย่อมเข้าถึงนรกอันโหดร้าย นี้ชื่อว่า ผู้มืดมาแล้วมืดไป"
บุคคลประเภทที่ ๒ : มืดมาแล้วสว่างไป
ได้แก่ บุคคลเกิดในตระกูลต่ำ คือ ตระกูลจัณฑาล ตระกูลช่างจักสาน ตระกูลนายพราน ตระกูลช่างรถ...เป็นตระกูลยากจน มีข้าว น้ำ และสิ่งของเครื่องใช้น้อย เป็นอยู่อย่างฝืดเคือง เป็นตระกูลที่หาอาหารและเครื่องนุ่งห่มได้ยาก
และเขาเป็นคนมีผิวพรรณทราม ไม่น่าดูไม่น่าชม...มักไม่ได้ข้าว น้ำ...เครื่องประทีปแต่เขาประพฤติกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต หลังจากตายแล้ว ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
อุปมาเหมือนคนขึ้นจากแผ่นดินสู่บัลลังก์ หรือจากบัลลังก์ขึ้นสู่หลังม้า หรือขึ้นจากหลังม้าสู่คอช้าง หรือขึ้นจากคอช้างสู่ปราสาท
ตรัสสรุปถึงคนประเภทที่ ๒ ว่า...
"บุรุษเข็ญใจ แต่มีศรัทธา ไม่มีความตระหนี่ มีความดำริประเสริฐ มีใจไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมให้ทาน ย่อมลุกรับสมณะ หรือพราหมณ์ หรือวณิพกอื่นๆ ย่อมสำเหนียกในจรรยา(ความประพฤติดีงาม) อันเรียบร้อย ไม่ห้ามคนที่กำลังให้สิ่งของเครื่องใช้แก่คนที่กำลังขอคนเช่นนั้น ตายแล้ว ย่อมเข้าถึงไตรทิพยสถาน"
บุคคลประเภทที่ ๓ : สว่างมาแต่มืดไป
ได้แก่ บุคคลบางคนเกิดในตระกูลสูง คือ ตระกูลขัตติยมหาศาล (กษัตริย์ผู้มั่งคั่ง) ตระกูลพราหมณ์มหาศาล หรือตระกูลคหบดีมหาศาล เป็นตระกูลมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองและเงินมาก มีเครื่องใช้ที่น่าปลื้มใจมากมาย มีทรัพย์และธัญชาติ (เช่นข้าวเปลือกและถั่ว) มากมาย
และเขามีรูปร่างหน้าตาน่าดูน่าชม มีผิวพรรณผุดผ่องยิ่งนัก มักได้ข้าว น้ำ ผ้ายานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก และเครื่องประทีป
แต่เขาประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต หลังจากตายแล้วจะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
อุปมาเหมือนคนลงจากปราสาทสู่คอช้าง หรือลงจากคอช้างสู่หลังม้า หรือลงจากหลังม้าสู่บัลลังก์ หรือลงจากบัลลังก์สู่พื้นดิน หรือลงจากพื้นดินเข้าสู่ที่มืด
ตรัสสรุปถึงคนประเภทที่ ๓ ว่า...
"บุรุษผู้มั่งมี แต่ไม่มีศรัทธา เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น มีความดำริชั่ว เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีความเอื้อเฟื้อ ด่าบริภาษสมณะ หรือพราหมณ์ หรือวณิพกอื่นๆ เขาเป็นคนไม่มีประโยชน์ เป็นคนมักโกรธ ย่อมห้ามคนที่กำลังจะให้ ไม่ให้ ๆ แก่คนที่กำลังขอ คนเช่นนั้นเมื่อตายแล้วย่อมเข้าถึงนรกอันโหดร้าย"
บุคคลประเภทที่ ๔ : สว่างมาแล้วสว่างไป
ได้แก่ บุคคลบางคนเกิดในตระกูลสูง คือ ตระกูลขัตติยมหาศาล....เป็นตระกูลมั่งคั่ง...เขามีรูปร่างหน้าตางาม น่าดูน่าชม...ไม่ขาดแคลนข้าว น้ำ ผ้า...
และเขาก็ประพฤติกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
หลังจากตายแล้ว ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
อุปมาเหมือนคนก้าวไปด้วยดีจากบัลลังก์สู่บัลลังก์ หรือจากหลังม้าสู่หลังม้า หรือ จากคอช้างสู่คอช้าง หรือจากปราสาทสู่ปราสาท
ตรัสสรุปถึงคนประเภทที่ ๔ ว่า...
"บุรุษผู้มั่งมี ทั้งมีศรัทธา ไม่มีความตระหนี่ มีความดำริประเสริฐ มีใจไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมให้ทาน ย่อมลุกรับสมณะหรือพราหมณ์ หรือวณิพกอื่น ๆ ย่อมสำเหนียกในจรรยาอันเรียบร้อย ไม่ห้ามคนที่กำลังให้แก่คนที่กำลังขอ คนเช่นนั้นตายแล้วย่อมเข้าถึงไตรทิพยสถาน"(ดู สํ.ส.ข้อ ๓๙๓-๘, มจร.๑๕/๑๓๒/๑๖๑-๕)