ลาชเทพธิดา ผลแห่งบุญ : การสั่งสมบุญ...นำความสุขมาให้

ลาชเทพธิดา ผลแห่งบุญ : การสั่งสมบุญ...นำความสุขมาให้

ปริยัติธรรม

หนังสือนิทานบำเพ็ญบุญ 100 เรื่อง

สาวชาวนาถวายข้าวตอกแก่พระมหากัสสปะ แล้วถูกงูกัดตาย.... เกิดเป็นเทพธิดาในดาวดึงส์


กุลธิดาชาวราชคฤห์คนหนึ่งมีอาชีพปลูกข้าวสาลี ในฤดูทำนา นางจะพำนักอาศัยอยู่ ณ ที่นาแห่งนั้น

สมัยหนึ่ง พระมหากัสสปเถระเข้าสมาบัติอยู่ที่ถ้ำปิปผลินาน ๗ วัน ออกจากสมาบัติ ในวันที่ ๗ แล้วตรวจดูสถานที่และบุคคลผู้ควรแก่การสงเคราะห์ด้วยทิพยจักษุ ก็พบสตรี ชาวนาผู้นั้นกำลังเกี่ยวรวงข้าวสาลีและทำข้าวตอกอยู่ พิจารณาเห็นว่า นางมีศรัทธา ถ้าพบ เราแล้วก็จะถวายข้าวตอก การถวายนั้นจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ ความสุข และทิพยสมบัติ ของนาง

เวลาสาย พระเถระครองจีวรถือบาตรเดินมาหยุดใกล้กับนาข้าวนั้น นางกุลธิดามอง เห็นภิกษุแล้วเกิดความเลื่อมใส ความปีติและโสมนัส รีบกล่าวว่า "นิมนต์พระคุณเจ้าหยุด ก่อน โยมจะถวายข้าวตอก เจ้าค่ะ" จากนั้น นางถือภาชนะใส่ข้าวตอกมาเกลี่ยลงในบาตร แล้วไหว้ กล่าวความปรารถนาว่า "ท่านเจ้าข้า ขอให้ดิฉันพึงมีส่วนได้เห็นธรรมที่ท่านเห็น แล้วด้วยเถิด" พระเถระกล่าวอนุโมทนาว่า "ความปรารถนาของท่านจงสำเร็จเถิด" แล้วเดินต่อไป

นางกุลธิดารวบรวมข้าวสาลีและข้าวตอกที่เหลือใส่ภาชนะนำกลับบ้าน แล้วเดินไป บนคันนาตามทางที่พระเถระเดินไป เธอเดินไปพลางนึกถึงการถวายข้าวตอกแต่พระผู้เป็นเจ้า ไปพลางได้ถูกงูพิษขบกัดเข้าที่ขา นางรู้สึกตัวว่าถูกงูกัดแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะพิษงู แผ่ซ่านไป นางล้มลง ครู่หนึ่งก็สิ้นใจตาย

ความที่นางมีจิตเลื่อมใสในพระเถระ (เป็นเหตุให้กุศลกรรมที่ทำในเวลาใกล้ตายส่งผล) ตายแล้วเกิดอยู่ในวิมานทองสูงประมาณ ๓๐ โยชน์ ในสวรรค์ดาวดึงส์ มีอัตภาพราว ๓ คาวุต ประดับด้วยทิพยอาภรณ์ ดุจคนหลับแล้วตื่นขึ้น

สำนึกคุณกลับมาปรนนิบัติบำรุงเพื่อเพิ่มพูนบุญ ถูกพระเถระขับไล่


ลาชเทพธิดา (=เทพธิดาผู้เคยถวายข้าวตอก) นุ่งผ้าทิพย์ยืนอยู่ ณ ประตูวิมาน ท่ามกลางนางเทพอัปสร ๑,๐๐๐ ประตูวิมานนั้นประดับไว้ด้วยขันทองคำ มีข้าวตอกทองคำ ห้อยระย้าอยู่ เทพธิดาใคร่ครวญดูทิพยสมบัติและกรรมก็รู้ว่า "เราได้ทิพยสมบัติเหล่านี้เพราะ ผลของการถวายข้าวตอกแค่พระผู้เป็นเจ้ามหากัสสปะ เราทำกุศลไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราควรจะไปปรนนิบัติบำรุงพระผู้เป็นเจ้าอีก กุศลกรรมจะได้ช่วยให้เราอยู่ในทิพยสมบัติ ได้ยาวนาน"

ลาชเทพธิดาไปปรากฏตัวในบริเวณที่อยู่ของพระเถระ คือ ถ้ำปิปผลิ ตอนเช้ามืด ขณะนั้นพระมหากัสสปะยังพักอยู่ภายใน นางจึงทำการปัดกวาด เช็ดถู นำขยะไปเท ตักน้ำใช้ น้ำฉันไว้ให้ท่าน แล้วกลับไปเทพวิมาน

พระเถระเดินออกมาเห็นบริเวณที่นั่งพัก นั่งฉัน เรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ก็ไม่ได้ สงสัย คิดว่พวกภิกษุหนุ่มและสามเณรคงมาทำให้ พระเถระออกไปบิณฑบาต แล้วกลับมา นั่งฉันตามปกติ....

วันที่ ๒ ลาชเทพธิดาก็แอบมาปรนนิบัติสถานที่อยู่นั้นอีก พระเถระก็ยังคิดว่าเป็น การกระทำของภิกษุสามเณรอีก...

วันที่ ๓ พระเถระยังอยู่ภายในถ้ำ ได้ยินเสียงไม้กวาดและแสงสว่าง จึงเดินออกมาดู เห็นสตรีกำลังกวาดพื้นอยู่ จึงถามว่า "นั่นใคร ใครมากวาดพื้นหรือ?" เทพธิดาตอบว่า "ท่านเจ้าขา ดิฉันเอง มาเพื่อปรนนิบัติท่าน ดิฉันชื่อว่า ลาชเทพธิดา เจ้าค่ะ" พระเถระ กล่าวว่า "ดูเหมือนสตรีที่อุปัฏฐากเราอยู่ ไม่มีชื่อนี้นะ"

ลาชเทพธิดาเรียนว่า "ท่านเจ้าข้า แต่ก่อนดิฉันเป็นสตรีชาวนาปลูกข้าวสาลีได้ถวาย ข้าวตอกแต่ท่าน แล้วถูกงูกัดตาย ก่อนตายดิฉันมีใจเลื่อมใสท่านจึงบังเกิดในเทวโลกดาวดึงส์ ดิฉันเห็นว่าได้ทิพยสมบัติเพราะพระผู้เป็นเจ้า จึงมาทำวัตรปฏิบัติเพื่อสั่งสมบุญ เพื่อทำ ทิพยสมบัติให้มั่นคงขึ้นเจ้าข้า"

พระเถระถามว่า "เจ้าเป็นผู้มาปัดกวาดที่นี่ตั้งแต่วานซืนและเมื่อวานนี้หรือ?" ตอบ ว่า ใช่แล้วเจ้าค่ะ, พระเถระขับไล่ว่า "เทพธิดา ท่านจงไปเสียเถิด กิจที่ท่านทำก็เป็นอันทำ ดีแล้ว ต่อไปอย่าได้มาที่นี่อีกเลย" เทพธิดาฟังแล้วเสียใจ มีใจแทบสลาย รำพันว่า "ท่านเจ้าข้า ท่านอย่าให้ดิฉันพินาศเลย พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดให้ดิฉันได้ทำวัตรปฏิบัติต่อไปเถิด เจ้าข้า ให้ดิฉันสั่งสมกุศลเพื่อความมั่นคงแห่งทิพยสมบัติเถิด"

พระมหากัสสปะให้เหตุผลว่า "ไปเสียเถิดเทพธิดา การมาของเจ้าจะทำให้ตัวเรา ถูกภิกษุผู้แสดงธรรมทั้งหลาย (= พระธรรมกถึก) ในอนาคต นั่งจับพัดอันวิจิตรกล่าวถึงเรา อย่างเสียหายว่า ได้ยินว่า มีเทพธิดาองค์หนึ่งมาทำวัตรปฏิบัติ ปัดกวาดตั้งน้ำใช้น้ำฉันให้ แก่พระมหากัสสปะ ต่อไปเจ้าอย่าได้มาอีกเลย" เทพธิดายังคงยืนอยู่ไม่ยอมไป ยังกล่าว วิงวอนอีก...พระเถระเห็นว่านางดื้อดึง จึงดีดนิ้วมือขับไล่ว่า "เจ้านี่ไม่รู้ประมาณตนเลย" ลาชเทพธิดาไม่อาจยืนอยู่ตรงนั้นต่อไปได้ รีบเหาะขึ้นบนอากาศ หยุดทำอัญชลี ร้องไห้รำพันว่า "ท่านเจ้าข้า อย่าให้ทิพยสมบัติที่ดิฉันได้มาเสียหายเลย จงอนุญาตให้ดิฉัน ทำทิพยสมบัติให้มั่นคงเถิด"

พระพุทธเจ้าตรัสกิจของบรรพชิต คือ สำรวม, ส่วนกิจของผู้ต้องการบุญ

คือ ทำบุญ...เทพธิดาบรรลุธรรม

ขณะนั้น พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในพระคันธกุฎี ภายในพระเชตวันวิหาร เขตกรุง สาวัตถี ทรงได้ยินเสียงเทพธิดาร้องไห้คร่ำครวญ จึงทรงแผ่พระรัศมีมาอยู่ต่อหน้าเทพธิดา ตรัสว่า "เทพธิดาเอ๋ย การสำรวมสังวรเป็นกิจของกัสสปะบุตรของเรา, ส่วนการพิจารณา ว่าสิ่งใดเป็นบุญ ย่อมเป็นกิจของชนผู้ต้องการบุญ เพราะการทำบุญเป็นเหตุให้เกิดความสุข อย่างแน่นอน ทั้งในภพนี้และภพหน้า" แล้วตรัสพระคาถาว่า

ปุญฺญญฺเจ ปุริโส กยิรา กยิราเถนํ ปุนปฺปุนํ

ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.

หากบุคคลทำบุญ ก็ควรทำบุญนั้นบ่อยๆ

ควรทำความพอใจในบุญนั้น เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้

จบพระธรรมเทศนา ลาชเทพธิดาผู้อยู่ห่างจากพระพุทธเจ้าถึง ๔๕ โยชน์ ได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว


พิมพ์