ปริยัติธรรม
หนังสือนิทานบำเพ็ญบุญ 100 เรื่อง
นางวิสาขาลืมเครื่องประดับ ขายและรับซื้อไว้เอง... สร้างบุพพารามปราสาทถวายสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประมุข
ครั้งหนึ่ง นางวิสาขามหาอุบาสิกาสวมใส่เครื่องประดับชื่อ มหาลดาประสาธน์ ไปร่วมงานมหรสพที่มีผู้เชิญไป ขากลับนางจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระเชตวันวิหาร จึงถอดเครื่องประดับนั้นออกแล้วให้คนรับใช้ห่อด้วยผ้ารักษาไว้ ครั้นฟังธรรมจบ เดินออกมานอกวิหารแล้ว หญิงรับใช้ลืมหยิบห่อเครื่องประดับนั้นออกมาด้วย
ระหว่างนั้นท่านพระอานนท์ได้มาพบห่อผ้า เมื่อแกะออกดู เห็นว่าเป็นเครื่องประดับของสตรี จึงกราบทูลถามว่าจะทำอย่างไร? พระพุทธเจ้าตรัสให้นำไปเก็บไว้ข้างบันได
หญิงรับใช้นึกขึ้นมาได้ว่าลืมเครื่องประดับไว้ในวิหารฟังธรรม จึงบอกแก่นายหญิงนางวิสาขาสั่งว่า "จงไปนำมา แต่ถ้ามีพระคุณเจ้านำไปเก็บแล้ว เจ้าก็อย่าได้นำกลับมา เราจะบริจาคถวายเลย"
หญิงรับใช้เข้าไปในพระวิหารพบกับพระอานนท์พอดี ท่านถามว่า "มีธุระอะไรหรือ?" นางตอบว่า "ดิฉันลืมเครื่องประดับของแม่เจ้าวิสาขา จึงมาเพื่อจะนำไปให้แม่เจ้า เจ้าข้า"พระเถระกล่าวว่า "เรานำไปเก็บไว้ที่ข้างบันไดนั่น เธอจงนำไปเถิด" นางฟังแล้วคิดว่า"แม่เจ้าสั่งว่า ถ้าพระคุณเจ้าจับต้องแล้วก็ไม่ต้องนำกลับไป" จึงขอไปบอกแก่นางวิสาขาก่อน
นางวิสาขาฟังความแล้วกล่าวว่า "เราจะไม่ใช้เครื่องประดับที่พระคุณเจ้าจับต้องด้วยมือแล้วเราบริจาคแล้วแต่การเก็บรักษาจะทำให้ท่านยุ่งยากเราจะขายเครื่องประดับนั้น แล้วทำสิ่งที่สมควรแก่สมณะ เจ้าจงไปนำเครื่องประดับมา"
หลังจากนั้น นางได้เชิญช่างทองมาตีราคา พวกช่างทองคำตีราคาได้ ๖ โกฏิ บวกค่ากำเหน็จอีก ๑ แสน นางวิสาขาประกาศขายเครื่องประดับนั้น แต่ไม่มีใครมีกำลังจะซื้อนางจึงซื้อไว้เอง ในราคา ๙ โกฏิ (เพิ่มให้อีก ๓โกฏิบางแห่งว่า ๙ โกฏิ ๗ พัน) จากนั้นให้คนนำเงินใส่เกวียนบรรทุกไปยังพระวิหาร เข้าเฝ้าถวายบังคมพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลความเป็นมาของเรื่องทั้งหมด และทูลถามว่า "หม่อมฉันควรจะนำสิ่งใดในปัจจัย ๔ มาถวายดีพระพุทธเจ้าข้า?"
พระพุทธเจ้าตรัสแนะว่า "วิสาขา ท่านควรสร้างเสนาสนะเพื่อสงฆ์ สร้างใกล้ประตูเมืองสาวัตถี ด้านทิศปราจีน (ตะวันออก) เถิด" นางรับพระพุทธดำรัสแล้ว จ่ายเงินซื้อที่ดิน ๙ โกฏิ (ไม่ระบุว่าซื้อจากใคร) จ่ายอีก ๙ โกฏิ เพื่อสร้างวิหาร พระพุทธเจ้าตรัสอนุญาตให้พระมหาโมคคัลลานะเป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบรรพชิต ใช้เวลาก่อสร้างนาน๙ เดือน รูปแบบการสร้างเป็นแบบปราสาท ๒ชั้น ๆ ละ ๕๐๐ ห้อง รวม ๑,๐๐๐ ห้อง ดังที่อรรถกถาอธิบายลักษณะปราสาทและบริเวณไว้ว่า
"นางวิสาขาสละเครื่องประดับนั้นซึ่งมีราคาถึง ๙ โกฏิ ๗,๐๐๐ กหาปณะ ให้สร้างปราสาทหลังใหญ่ มีพระมหาโมคคัลลานเถระเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง สมควรเป็นที่ประทับของพระผู้มีพระภาคเจ้าและเป็นที่อยู่ของภิกษุสงฆ์ ประกอบด้วยห้อง ๑,๐๐๐ ห้อง คือชั้นล่าง ๕๐๐ ชั้นบน ๕๐๐ห้อง เป็นดุจเทพวิมาน... และให้สร้างมณฑปและที่จงกรมเป็นต้น เป็นบริวารของปราสาทนั้น ใช้เวลา ๙ เดือน จึงสร้างวิหารเสร็จ, เมื่อสร้างวิหารสำเร็จแล้ว นางวิสาขาใช้เงินฉลองวิหารถึง ๙ โกฏิ"(ดู วิมาน.อ.๓๓๑-๒)
นางวิสาขาแบ่งส่วนบุญให้เพื่อนๆ... เพื่อนคนหนึ่งร่วมอนุโมทนา ด้วยจิตบริสุทธิ์ ตายแล้วเกิดเป็นเทพธิดา
นางวิสาขาพร้อมด้วยหญิงผู้เป็นสหายประมาณ ๕๐๐ คน เดินชมปราสาท นางปลื้มใจกล่าวกับเพื่อนๆ ว่า "ปราสาทหลังนี้งดงามมาก เราขอให้ส่วนบุญในการสร้างครั้งนี้แก่พวกเธอนะ ขอพวกเธอจงอนุโมทนาบุญที่เราทำสำเร็จแล้วด้วยเถิด" เพื่อนเหล่านั้นมีใจเลื่อมใส กล่าวอนุโมทนาว่า "ดีจริง ดีจริง"
อุบาสิกาที่เป็นสหายคนหนึ่ง (ในจำนวน ๕๐๐ นั้น) มีใจอนุโมทนาส่วนบุญมากนางมีจิตร่วมยินดีปรีดาด้วยเนือง ๆ ต่อมาไม่นาน นางสิ้นชีวิตแล้วเกิดในสวรรค์ดาวดึงส์(ด้วยกำลังแห่งกุศลกรรมคือปัตตานุโมทนา ได้แก่ บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญหรือบุญจากความยินดีในการทำดีของผู้อื่น)
ทิพยสมบัติของนาง คือ วิมานหลังใหญ่ ยาว กว้าง และสูง ๑๖ โยชน์ ประกอบด้วยเรือนยอด กำแพง อุทยาน และสระโบกขรณี ส่องแสงสว่างไปรอบ ๆ ๑๐๐ โยชน์ยามเทพธิดาจะไปแห่งใด ก็ไปด้วยวิมานพร้อมด้วยเหล่านางเทพอัปสรทั้งหมด
บุญ คือการอนุโมทนา ทำให้เกิดในสวรรค์ได้... นางวิสาขามหาอุบาสิกาเกิดเป็นเทพธิดาในสวรรค์นิมมานรดี
สมัยหนึ่ง พระอนุรุทธะจาริกมาในเทวโลกดาวดึงส์ ได้พบกับเทพธิดานี้ ท่านจึงถามถึงกรรมที่เคยทำไว้ อันเป็นเหตุให้ได้ทิพยสมบัติเช่นนี้? เทพธิดาจึงเล่าว่ามาจากกุศลกรรมที่เลื่อมใสแล้วอนุโมทนาการสร้างมหาวิหารของนางวิสาขามหาอุบาสิกา
"ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ วิสาขามหาอุบาสิกาเพื่อนของดิฉันอยู่ในกรุงสาวัตถี ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์ ดิฉันเห็นปราสาทขนาด ๑,๐๐๐ ห้อง และการบริจาคทรัพย์อุทิศสงฆ์ เป็นที่พึงพอใจมาก ดิฉันจึงเลื่อมใสแล้วอนุโมทนาในบุญนั้น ทำให้ได้วิมานอัน
อัศจรรย์ น่าทัศนา ด้วยการอนุโมทนาอันบริสุทธิ์นั้นเอง... วิมานนี้มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ น่าอัศจรรย์จิต น่าทัศนาเช่นนี้ บังเกิดเพราะกุศลกรรมของดิฉัน, สาธุชนจึงสมควรแท้ที่จะทำบุญไว้"
พระเถระถามถึงที่เกิดของนางวิสาขา (พระอนุรุทธะท่องมาสวรรค์ครั้งนี้ หลังนางวิสาขาเสียชีวิตแล้ว แม้ท่านจะรู้ที่เกิดของวิสาขา แต่ต้องการให้เทพธิดานี้พูด) ว่า "ท่านได้วิมานที่น่าอัศจรรย์ น่าทัศนา ด้วยการอนุโมทนาอย่างบริสุทธิ์ (ปราศจากมายา) อย่างเดียวแท้ ๆ ท่านจงบอกคติของนางวิสาขา นารีใด (=วิสาขามหาอุบาสิกา) ผู้ที่ได้ถวายทาน(วิหารทาน) นั้น บัดนี้นางเกิดอยู่ที่ใด?"
เทพธิดาตอบว่า"ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ วิสาขามหาอุบาสิกาสหายของดิฉันนั้น ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์ เธอรู้แจ้งธรรม (=รู้แจ้งอริยสัจ ๔) ได้ถวายทาน นางเกิดแล้วในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี นางเป็นปชาบดีของท้าวสุนิมมิตะนั้น วิบาก (ผล) แห่งกรรมของนางวิสาขามหาอุบาสิกานั้น อันใคร ๆ ไม่ควรคิด" จากนั้น นางเทพธิดากล่าวขอให้พระเถระช่วยสอนชักชวนให้พวกมนุษย์ฟังธรรมและถวายทานด้วย
"ถ้าอย่างนั้น ขอพระคุณเจ้าโปรดชักชวนคนอื่น ๆ ว่า พวกท่านจงปราโมทย์ในการถวายทานแต่สงฆ์เถิด และจงมีใจเลื่อมใส ฟังธรรม, การได้เป็นมนุษย์เป็นการได้แสนยากพวกท่านก็ได้แล้ว
พระพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระสุรเสียงดั่งพรหม มีพระฉวีวรรณดั่งทองคำ ทรงเป็นใหญ่แห่งมรรคา (ข้อปฏิบัติ) ได้ทรงแสดงมรรคใดไว้ ท่านทั้งหลาย จงปลื้มใจถวายทานแต่สงฆ์อันเป็นเขตที่ทักษิณามีผลมากเถิด...
มนุษย์ผู้มุ่งบุญ ให้ทานอยู่ เป็นบุญเพื่อเป็นประโยชน์ในสังสารวัฏ พึงรู้เถิดว่าท่านที่ถวายในสงฆ์ ย่อมมีผลมาก ด้วยว่า พระสงฆ์นี้เป็นผู้มีคุณยิ่งใหญ่ไพศาล ประมาณไม่ได้ว่าเท่านั้นเท่านี้ เหมือนน้ำในมหาสมุทร ยากที่จะคาดคะเนว่ามีอยู่เท่านั้นเท่านี้...
ชนทั้งหลายเหล่าใด ถวายทานอุทิศสงฆ์ ทักษิณา (การให้) ของชนเหล่านั้น ชื่อว่าทักษิณาที่ถวายดีแล้ว เซ่นสรวงดีแล้ว บูชาดีแล้ว ทักษิณาที่ประดิษฐานไว้ในสงฆ์มีผลมากอันพระผู้รู้แจ้งโลก =พระพุทธเจ้า) ทรงสรรเสริญแล้ว...
คติธรรม ให้สิ่งที่น่าพอใจ ผลก็น่าพอใจ