อนัตถปุจฉกพราหมณ์ : ถามสิ่งไม่เป็นประโยชน์

อนัตถปุจฉกพราหมณ์ : ถามสิ่งไม่เป็นประโยชน์

ปริยัติธรรม

หนังสือ พระพุทธวจนะ คาถาธรรมบท จาก...พระไตรปิฎก

อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย ยา จาย์ อิตรา ปชา อตฺตทนฺตสฺุส โปสสฺส นิจฺจํ สญฺญตจาริโน.

ชนะตนเองแลประเสริฐกว่า การเอาชนะชาวประชาทั้งหมดไม่ประเสริฐเลย บุคคลฝึกตนเองแล้ว ประพฤติสํารวมเป็นนิตย์

เนว เทโว น คนฺธพฺโพ น มาโร สห พฺรหฺมุนา ชิตํ อปชิตํ กยิรา ตถารูปสฺส ชนฺตฺโน.

เทวดา คนธรรพ์ มาร พร้อมทั้งพรหม ก็ไม่อาจทําชัยชนะของบุคคลผู้ชนะตนให้กลับพ่ายแพ้ได้


พระพุทธเจ้าทรงแสดงข้อปฏิบัติ ๖ อย่าง ที่ไม่นำประโยชน์มาให้

พราหมณ์ชาวสาวัตถีคนหนึ่งคิดว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างเดียว หรือว่าทรงทราบสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ด้วยหนอ เราจะไปทูลถามพระองค์”, เขาเข้าไป หาพระพุทธเจ้าในพระเชตวันแล้วทูลถามความสงสัยนั้น พระศาสดาตรัสตอบว่า “ท่านพราหมณ์ เรารู้ทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์” เขาทูลว่า “ขอให้พระองค์จงตรัสบอกสิ่งที่ ไม่เป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้าเถิด” (พราหมณ์จึงได้ชื่อว่า อนัตถปุจฉกะ เพราะถามถึงสิ่งที่ไม่เป็น ประโยชน์) พระศาสดาจึงตรัส สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ๖ คือ ๑. การนอนจนถึงตะวันขึ้นสูง (นอนตื่นสายมาก) ๒. ความเกียจคร้าน ๓. ความดุร้าย (มักโกรธ) ๔. ความหลับสิ้นกาลนาน (ทีฆโสตฺติยํ = การผลัดวันประกันพรุ่ง) ๕. การไปสู่ทางไกลของบุคคลคนเดียว (โดยไร้จุดหมาย) ๖. การเข้าไป เสพภรรยาของผู้อื่น “ท่านพราหมณ์ ท่านจงเสพจงกระทํา ๖ อย่างนี้เถิด สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ จะเกิดแก่ท่าน” พราหมณ์กล่าวสาธุการว่า “ดีล่ะ ดีล่ะ ท่านเป็นอาจารย์ของคณะท่านเป็นผู้ เจริญที่สุดในคณะ ทรงทราบทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์” พระศาสดาทรงตรวจดู อัธยาศัยของพราหมณ์ (เพื่อแสดงธรรมให้เขาเข้าใจแจ้ง) แล้วตรัสถามว่า ท่านเป็นอยู่ด้วยการงานอะไร? ทูลว่า “เล่นสะกา พระเจ้าข้า” ตรัสถามว่า ท่านแพ้หรือชนะ? ทูลว่า “มีทั้งแพ้ทั้งชนะ” ตรัสว่า “การแพ้ชนะอย่างนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย และการชนะผู้อื่นนั้นไม่ประเสริฐ, ผู้ใดชนะ กิเลสของตนได้ ความชนะนั้นประเสริฐ เพราะไม่มีใครสามารถทําความชนะนั้นให้เป็นความ พ่ายแพ้ได้” แล้วตรัสภาษิตนี้

อธิบายพุทธภาษิต : ความชนะผู้อื่นที่ไม่ประเสริฐ เช่น ชนะด้วยการเล่นสะกา, ด้วยการฉ้อโกงทรัพย์ และการชนะด้วยกําลังพลรบในสงคราม เป็นต้น แต่การชนะตนประเสริฐกว่า เพราะ ตนเองได้ฝึกตนจนปราศจากกิเลสแล้ว แม้ใครๆ จะพยายามทําให้กลับพ่ายแพ้กิเลสอีกก็ย่อมไม่สําเร็จ เพราะกิเลสที่ละด้วยมรรคภาวนาแล้วย่อมไม่กลับมาอีก, ไม่เหมือนการชนะพนันซึ่ง อาจกลับเป็นพ่ายแพ้ได้อีก (ดู ธ.อ.๒/๓๖๙-๓๗๑)

คติธรรมความรู้ ชนะกิเลสของตนเองได้ด้วยอริยมรรค ความชนะนั้นเท่านั้น จะไม่กลับมาพ่ายแพ้


พิมพ์