โฆสกสุนัข ผลแห่งบุญ : ผลแห่งการเห่านำทางพระปัจเจกพุทธเจ้า

โฆสกสุนัข ผลแห่งบุญ : ผลแห่งการเห่านำทางพระปัจเจกพุทธเจ้า

ปริยัติธรรม

หนังสือนิทานบำเพ็ญบุญ 100 เรื่อง

สามีภรรยาคู่หนึ่ง นำบุตรที่เพิ่งคลอด หนีความอดอยาก สามีมีเจตนาทิ้งลูกไว้ระหว่างทาง ภรรยาไม่ยอม แต่บุตรก็ตายเมื่อถึงกรุงโกสัมพี


สมัยที่โลกว่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งหนึ่งที่แคว้นอัลลกัปปะ เกิดทุพภิกขภัย ผู้คนและสัตว์เริ่มล้มตายนายโกตุหลิกะจึงพาภรรยา ชื่อ นางกาลีที่เพิ่งคลอดบุตรน้อย ออกจากบ้าน ตั้งใจจะอพยพครอบครัวไปอยู่ที่กรุงโกสัมพี

สองสามีภรรยาเดินทางไกลมาหลายวัน เสบียงอาหารก็หมดลง ทั้งสองได้รับความทุกข์ทรมานจากความหิวเป็นอันมาก มองไปทางไหนก็ยังไม่พบบ้านเรือนที่จะเข้าไปพึ่งพาอาศัยได้เลย สามีจึงปรึกษากับภรรยาว่า "เอาอย่างนี้ดีไหม ตอนนี้พวกเรากำลังจะอดข้าวอดน้ำตาย ลูกอ่อนของเราเป็นภาระมาก เราต้องผลัดกันอุ้ม ทำให้การเดินทางล่าช้า เราทิ้งเขาไว้แถวนี้แหละ เมื่อเรารอดชีวิตไปแล้ว เราก็สามารถมีลูกใหม่ได้"

นางกาลีผู้เป็นภรรยาแย้งว่า "ฉันอุ้มท้องมาถึง ๘-๙ เดือน เขาเป็นลูกคนแรกและคนเดียว เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ ๆ ของเรา ท่านทิ้งเขาได้ลงคอหรือ" สามีเห็นว่าภรรยาไม่ยินยอม ก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก ผลัดกันอุ้มบุตรเดินทางต่อไปหลายชั่วโมงต่อมา ทุกขเวทนาอันเกิดจากความหิวก็เกิดเบียดเบียนนายโกตุหลิกะมากขึ้นอีก ขณะนั้นเขาเป็นคนอุ้มลูก เขาก็พูดเกลี้ยกล่อมให้ภรรยาทิ้งลูกอีกว่า

"เธอจ๋าถ้าเราสองคนยังไม่ตายเราก็มีลูกใหม่ได้อีก เราต้องยอมทิ้งเขาไว้นะ ไม่งั้นพวกเราก็จะต้องตายแน่" ภรรยาก็ห้ามปรามอีก เมื่อสามีพูดวิงวอนอีก นางก็ทำเฉย ไม่พูดอะไร ๆ รับลูกไปอุ้มเดินต่อไป พอรู้สึกหมดแรงอุ้มก็ส่งลูกให้สามีเป็นคนอุ้ม

คนทั้งสามต่างเหนื่อยอ่อนเต็มที่ ทารกน้อยหลับอยู่ในอ้อมแขนของนายโกตุหลิกะคราวนี้เขาคิดว่า "เราจะแกล้งเดินช้าลง ๆ ให้เธอเดินทิ้งห่างเราออกไป แล้วเราจะทิ้งลูกเอง"

นางกาลีเดินห่างออกไป นายโกตุหลิกะก็หยุดหาจุดที่จะวางทารก เขาเห็นพุ่มไม้เตี้ยพุ่มหนึ่ง ก็เดินเข้าไป แล้วเด็ดใบไม้วางเรียงที่พื้น วางทารกลงนอนบนใบไม้นั้น แล้วรีบเดินตามภรรยาไป

ภรรยาหันมามองไม่เห็นสามีอุ้มลูก ก็ตกใจร้องโวยวายว่า "ท่านเอาลูกไปไว้ที่ไหน?"สามีตอบว่า "เราให้เขานอนอยู่ใต้พุ่มไม้โน่นแน่ะ เรารีบเดินต่อไปเถิด ก่อนที่จะมืดค่ำเสียก่อน" ภรรยาร้องไห้รำพันว่า "นายท่านอย่าทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เลย ฉันทิ้งลูกไว้ไม่ได้ ฉันขาดลูกที่เกิดจากอกของฉันไปไม่ได้ ท่านจงรีบไปอุ้มเขามาเร็ว ๆ เลย" กล่าวจบ นางก็ทรุดนั่งร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา นายโกตุหลิกะจึงรีบวิ่งไปอุ้มลูกมาให้ภรรยา

ทั้งสองผลัดกันอุ้มลูกเดินต่อไป ใกล้ถึงกรุงโกสัมพีแล้ว แต่ทารกน้อยบอบช้ำจากการเดินทางครั้งนี้มาก สิ้นใจตายเมื่อเข้าสู่เขตกรุงแล้ว (อกุศลเจตนาที่เขาจงใจทิ้งบุตรครั้งนี้ทำให้เขาถูกบิดามารดาทิ้งถึง ๗ ภพ เช่น ภพที่เป็นเด็กชายโฆสกะ ถูกมารดาที่เป็นโสเภณีสั่งให้หญิงรับใช้นำไปทิ้งไว้ที่กองขยะ)

นางกาลีเศร้าโศกเสียใจคร่ำครวญว่า ลูกของเราช่างบุญน้อยจริง ๆ มาถึงกรุงโกสัมพีแล้วเจ้าจะไม่ต้องอดอยากแล้ว แต่เจ้าก็มาจากอกของแม่ไป อภัยให้พ่อกับแม่ด้วย, แล้วจัดการฝังศพลูก

ได้ความกรุณาจากนายโคบาล..สามีกินมากไปอึดอัดตายแล้ว เกิดในท้องแม่สุนัข


เช้าวันนั้น ทั้งสองเดินมุ่งหน้าจะเข้าไปในกรุง ระหว่างทางก็พบเรือนของนายโคบาล(บ้านของคนเลี้ยงโค เลี้ยงไว้สำหรับรีดนมขายนม) กำลังมีงานมงคลคือทำขวัญแม่โค และลูกโคที่เพิ่งคลอด ก่อนจะถึงพิธีทำขวัญโค เขาได้จัดเตรียมข้าวปายาสไว้จำนวนมาก เพื่อถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งเขาได้นิมนต์ให้ท่านมารับบิณฑบาตทุกวัน ทั้งวันนี้เป็นวันมงคลโคเขาจึงจัดเตรียมข้าวปายาสไว้มากเป็นพิเศษ เพื่อเลี้ยงคนในเรือนด้วย....

พระปัจเจกพุทธเจ้ามารับบิณฑบาต (ข้าวปายาส) แล้วกลับไปยังที่อยู่ชั่วคราวภายในป้านอกกรุงโกสัมพี นายโคบาลเห็นสองสามีภรรยาเดินโซซัดโซเซผ่านมาก็ถามว่า "พวกท่านมาจากไหน? กำลังจะไปไหนกัน?" ทั้งสองจึงเล่าความเป็นมาให้เขาฟัง นายโคบาลรู้เรื่องแล้วรู้สึกสงสารให้คนจัดข้าวปายาสกับเนยใสจำนวนมากให้กินได้ตามใจปรารถนา

ผู้เป็นภรรยายังไม่สร่างโศกที่บุตรตาย แม้จะหิวก็รู้สึกกินไม่ลง นางกล่าวกับสามีว่า "นายอดอาหารมาหลายวันแล้ว รีบกินเถอะ ท่านยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็จะมีชีวิตอยู่ เพราะฉันต้องพึ่งพิงท่าน ท่านกินก่อนเถิด เดี๋ยวฉันค่อยกิน"

สามีหิวจัด รีบบริโภคข้าวปายาสจำนวนมาก ส่วนภรรยาค่อย ๆ ลิ้มเนยใสทีละน้อยนายโคบาลเห็นสองคนบริโภคอาหารแล้ว ตนเองก็ไปนั่งบริโภคข้าวยังที่นั่งของตน รับประทานอาหารไปก็ปั้นก้อนข้าวปายาสให้แม่สุนัขโปรดที่นอนอยู่ใต้ตั่งไปด้วย นายโกตุหลิกะเห็นแล้วคิดว่า "หมาตัวนี้มันมีบุญ มันได้กินอาหารดีๆ อย่างนี้ทุกวัน" หลังจากบริโภคอาหารแล้วทั้งสองก็ขอพักแรมค้างในบริเวณบ้านของนายโคบาลก่อน เพราะเหน็ดเหนื่อยในการเดินทางมาก...แต่ความที่เขากินมากเกินไป อึดอัดมาก ไฟธาตุไม่อาจย่อยอาหารได้ดี ตกกลางคืนเขาก็หายใจไม่ออก สิ้นใจตาย ๆ แล้วเกิดในท้องของสุนัขตัวเมียนั้น...

นางกาลีผู้เป็นภรรยาและคนในเรือนช่วยกันนำร่างของเขาไปทำฌาปนกิจ เสร็จแล้วนางก็ขออาศัยอยู่เป็นคนรับจ้างทำการงานให้แก่นายโคบาล นางเห็นว่าทุก ๆ เช้าจะมีพระผู้เป็นเจ้า (=พระปัจเจกพุทธเจ้า) มารับบิณฑบาตที่เรือนทุกวัน, เมื่อได้ข้าวสารมา ก็จะหุงหาอาหารใส่บาตรท่าน ใส่แล้วก็กล่าวว่า "ท่านเจ้าข้า ขอให้กุศลที่ทำนี้ส่งผลถึงสามีและลูกของดิฉันด้วยเถิด" วันไหนไม่ได้ข้าวสารมา นางก็จะคอยไหว้ด้วยจิตที่เลื่อมใส แล้วไปรับข้าวสุกจากนายโคบาลมาบริโภคเลี้ยงชีวิต

สุนัขตัวเมียมีครรภ์แก่ขึ้นตามลำดับ (ราว ๕-๖ เดือน) แล้วคลอดลูกสุนัขเพศผู้ออกมาตัวหนึ่ง มันเจริญเติบโตขึ้น ต่อมานายโคบาลก็ให้น้ำนมโคแก่ลูกสุนัขกินเรื่อยมา

ลูกสุนัขผูกพันกับพระปัจเจกพุทธเจ้ามาก


คอยไปรับไปส่งและเห่าอารักขา...ตายแล้วเกิดเป็นโฆสกเทพบุตร วันใดที่พระปัจเจกพุทธเจ้านั่งฉันภัตในเรือน ท่านก็จะแบ่งก้อนข้าวให้ลูกสุนัขกินสุนัขน้อย (=นายโกตุหลิกะ) จึงมีความรักใคร่คุ้นเคยกับท่านมากตามปกตินายโคบาลจะหาเวลาว่างไปปรนนิบัติ และสนทนากับพระปัจเจกพุทธเจ้าในป่าที่ท่านพำนักไม่ไกลบ้านมากนัก วันละ ๒ เวลา ยามที่เข้าไปหาท่าน สุนัขก็จะติดตามเขาไปด้วย ซึ่งทางเดินไปบรรณศาลานั้นมีหญ้าค่อนข้างรก เขาต้องถือไม้ยาวติดมือไปเพื่อตีพงหญ้าบ้าง พุ่มไม้บ้าง ขับไล่งู และสัตว์มีพิษให้หนีไป บริเวณใดรกมากเขาก็จะตีไม้ส่งเสียงว่า "ไป ไป" สุนัขก็จะจดจำว่าบริเวณนั้นผู้เป็นนายส่งเสียงขับไล่สัตว์ร้าย

วันหนึ่ง นายโคบาลกล่าวกับพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า "ท่านผู้เจริญ ถ้าวันไหนผมไม่อาจนำน้ำหรือเภสัชมาถวายท่านได้ ผมจะส่งสุนัขตัวนี้มาหาท่าน ท่านเห็นสุนัขแล้วได้โปรดไปที่บ้านของกระผมนะขอรับ จะมีคนคอยนำสิ่งที่ควรถวายแก่ท่านเอง"

แต่นั้นมา วันใดที่นายโคบาลไม่ว่าง เขาก็จะกล่าวกับสุนัขแสนรู้ว่า "ลูกเอ๋ย เจ้าจงไปนำทางพระผู้เป็นเจ้ามาทีนะ" สุนัขฟังแล้วเข้าใจ วิ่งออกไปทางที่พระปัจเจกพุทธเจ้าอยู่เดินไปถึงบริเวณใดที่นายโคบาลเคยใช้ไม้ตีขับไล่สัตว์ร้าย มันก็จะเท่า ๓ ครั้งขับไล่สัตว์ร้ายบ้าง

ถึงบรรณศาลาแล้วก็เห่า ๓ ครั้ง นอนหมอบรออยู่ พระปัจเจกพุทธเจ้ารู้ว่าสุนัขมาตามแล้ว นุ่งห่มจีวรถือบาตรแล้วเดินออกมา สุนัขก็จะออกเดินนำทางทันที...(สุนัขจะทำหน้าที่นี้ในวันที่นายโคบาลไม่ว่าง) บางคราวท่านต้องการทดสอบว่าสุนัขจะทำอย่างไรท่านก็แกล้งเดินไปทางอื่นบ้าง มันรู้แล้วก็จะรีบวิ่งมายืนขวางหน้าไม่ให้ท่านเดิน บางคราวท่านแกล้งเดินเลี่ยงมันเพื่อจะเดินต่อไป สุนัขก็จะใช้ปากงับชายจีวร หรือชายผ้านุ่งดึงให้ท่านกลับมาในทางที่มันต้องการ ความรักใคร่ที่สุนัขมีต่อท่านมีกำลังมากมายทีเดียว...

จนกระทั่งวันหนึ่ง นายโคบาลได้ถวายผ้าเพื่อให้ท่านทำเป็นจีวร พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า "ท่านผู้อุปัฏฐาก การทำผ้าสำหรับใช้สอยเป็นจีวร เป็นกิจที่อาตมาคนเดียวทำได้ยาก อาตมาจะกลับไปหาหมู่พระปัจเจกพุทธเจ้า ณ ภูเขาคันธมาทน์ ให้พวกท่านช่วยทำนะ" นายโคบาลกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น ขอท่านผู้เจริญอย่าไปนานนักนะ ทำเสร็จแล้วได้โปรดกลับมาหากระผมอย่างเดิม เพื่อผมและคนมากมายจะได้บำเพ็ญบุญ"

สุนัขฟังคำสนทนาแล้วเข้าใจ มันมีอาการเศร้าสลด เดินตามนายโคบาลส่งพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ระยะหนึ่ง ท่านกล่าวว่า "เท่านี้ก็พอแล้วผู้มีอายุ ท่านจงกลับไปเรือนเถิด อาตมาขอตัวก่อน" จากนั้นท่านก็เหาะขึ้นสู่อากาศมุ่งหน้าไปภูเขาคันธมาทน์

นายโคบาลและสุนัขมองตามไปสุนัขยืนพร้อมกับเห่า(ส่งท่าน) ไปด้วย เมื่อท่านพ้นสายตาไป สุนัขก็หัวใจแตกตาย ตายแล้วเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ดาวดึงส์ มีนางเทพอัปสร ๑,๐๐๐ เป็นบริวารแวดล้อม เป็นเทพบุตรที่มีลักษณะพิเศษ คือ ยามพูดกระซิบ เสียงกระซิบยังดังไกลไปถึง ๑๖ โยชน์ ส่วนเสียงพูดตามปกติดังกลบเทพนครของเทวดาดาวดึงส์ (เป็นนครภายใต้การปกครองของท้าวสักกเทวราช) ซึ่งมีขนาด ๑ หมื่นโยชน์ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เทพบุตรนี้ จึงได้ชื่อว่า โฆสกเทพบุตร

การอุบัติในสวรรค์ก็ดี การมีเสียงพูดดังไกลกว่าเทวดาอื่น ๆ ก็ดี ล้วนเป็นผลแห่งความรัก ความเคารพและช่วยเหลือแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า


พิมพ์