โตเทยยพราหมณ์ ผลแห่งบาป : ผลแห่งความตระหนี่...เกิดเป็นสุนัข

โตเทยยพราหมณ์ ผลแห่งบาป : ผลแห่งความตระหนี่...เกิดเป็นสุนัข

ปริยัติธรรม

หนังสือนิทานบำเพ็ญบุญ 100 เรื่อง

โตเทยยะตระหนี่มาก และสอนให้ลูกตระหนี่ตาม ตายแล้วเกิดเป็นสุนัขในบ้านตนเอง...พระพุทธเจ้าเสด็จไปคุยกับลูกสุนัข

โตเทยยพราหมณ์เป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล อาศัยอยู่ในหมู่บ้านตุทิคามนอกกรุงสาวัตถี เขามีทรัพย์มากถึง ๘๗ โกฏิ ซึ่งตกทอดต่อมาจากคนหลายรุ่น เมื่อถึงรุ่นของเขา พราหมณ์ก็คิดว่า คนรุ่นปู่ย่าสั่งสมทรัพย์ไว้มากขนาดนี้ ถึงรุ่นเรา ๆ ก็ต้องทำให้มันเพิ่มพูนยิ่งขึ้น เขาจึงยึดคติในการครองเรือนให้มั่นคงมั่งคั่งว่า

"บัณฑิตเห็นความสิ้นไปของยาหยอดตา การสะสมรังของตัวปลวก และการรวบรวมน้ำหวานของพวกผึ้ง ทรัพย์ก็มีแต่ความเพิ่มพูน"

คติประจำใจดังกล่าว ทำให้พราหมณ์กลายเป็นคนตระหนี่มากไม่เคยให้อะไร ๆ แก่ใคร ๆ แม้ว่าบ้านจะอยู่ใกล้ ๆ กับพระวิหารเชตวัน แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะให้อะไรแก่พวกภิกษุ ไม่เคยคิดจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เขามักจะเรียกพระพุทธเจ้าให้คนในเรือนฟังด้วยคำว่า "โภ โภ" (คุณ คุณ คือไม่เรียกว่าเป็นสมณะ) เพราะกลัวว่าถ้าให้แก่ภิกษุแล้วก็ต้องให้บ่อย ๆ ถ้าเข้าไปในพระวิหารก็อาจถูกขออะไร ๆ เขาจึงไม่เคยถวายอะไร แม้แต่ยาคูกระบวยหนึ่ง หรือข้าวสักทัพพีหนึ่งก็ไม่คิดจะให้ ทั้งยังสอนบุตรชายคือ สุภมาณพและคนในเรือนให้เป็นคนตระหนี่ด้วย

ด้วยความโลภในทรัพย์สินนั้น โตเทยยพราหมณ์ตายแล้วเกิดในครรภ์แม่สุนัขในเรือนตนเอง เมื่อคลอดออกมาแล้วเป็นสุนัขที่น่ารัก ซึ่งสุภมาณพรักมาก ให้กินอาหารดี ,เหมือนที่ตนเองบริโภค จัดที่ให้นอนอย่างดีบนเรือน...สุนัขนั้นเจริญเติบโตขึ้นตามลำดับ

จนใกล้รุ่งวันหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงตรวจดูโลกด้วยพระพุทธญาณ ทรงเห็นสุนัขและสุภมาณพปรากฏในข่ายพระญาณ ทรงดำริว่า "โตเทยยพราหมณ์โลภและหวงแหนทรัพย์สินตายแล้วเกิดเป็นสุนัขอยู่ในบ้านตนเอง ถ้าไปที่เรือน สุนัขนั้นจะเห่าเรา เราจะบอกให้สุนัขรู้ว่าเรารู้ว่าสุนัขนั้นคือ โตเทยยพราหณ์ สุนัขจะละอายหนีไปนอนหน้าเตาไฟ สุภมาณพรู้ว่าเราไปที่เรือนของเขา และรู้ว่าเราพูดว่าสุนัขคืออดีตบิดาของเขา เขาก็จะมาหาเรา ฟังธรรมแล้วถึงพระรัตนตรัย เป็นอุบาสก ส่วนสุนัขจะตายแล้วเกิดในนรก"

เมื่ออรุณรุ่งสาง พระพุทธเจ้าเสด็จพระพุทธดำเนินบิณฑบาตไปทางเรือนนั้น เมื่อทรงรู้ว่าสุภมาณพออกจากบ้านไปทำธุระข้างนอก จึงเสด็จเข้าไปในบริเวณเรือน สุนัขตัวนั้นเห็นแล้วส่งเสียงเห่าวิ่งเข้ามาใกล้ ๆ พระพุทธองค์ตรัสกับสุนัขว่า "แน่ะ ท่านโตเทยยะ ท่านชอบพูดดูหมิ่นเราว่า โภ โภ บัดนี้ท่านมาเกิดเป็นสุนัข ยังเห่าไล่เราเพราะหวงแหนทรัพย์ท่านตายจากสุนัขแล้วจะเกิดในนรกนะ"

สุนัขได้ยินแล้วหยุดเห่า คอตก เกิดความอายว่า "สมณโคดมรู้ว่าเราเป็นใคร" จึงไปนอนหลบในกองขี้เถ้าหน้าเตาไฟในครัวพระศาสดาก็เสด็จกลับออกไปคนรับใช้เห็นสุนัขมานอนสกปรก ก็ร้อนใจว่าผู้เป็นนายจะตำหนิ พยายามจะเข้าไปอุ้มนำกลับไปบนเรือน สุนัขก็ ไม่ยอม จะกัดคนที่เข้าใกล้

ลูกชายไม่เชื่อวพ่อจะเกิดเป็นสุนัข ไปเข้าเฝ้าเพราะความโกรธ...พระพุทธเจ้าทรงแนะอุบายให้ลูกสุนัขบอกทรัพย์ที่เคยซ่อนไว้

สุภมาณพกลับเข้ามาในบ้านมองหาสุนัขก็ไม่พบว่ามันอยู่ในที่ชอบนอน จึงเดินหาไปพบว่านอนอยู่ในกองขี้เถ้า เขาถามว่า "ใครอุ้มสุนัขของเราลงมาที่นี่?" ตอบว่า "ไม่มีใครอุ้ม สุนัขลงมานอนเอง" แล้วเล่าเรื่องที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้ามาคุยกับสุนัขว่า "สุนัขก็คือโตเทยยพราหมณ์ อีกไม่กี่วันก็จะตายแล้วไปเกิดในนรก"

สุภมาณพฟังแล้วโกรธมากกล่าวว่า "พ่อของเราไปเกิดในพรหมโลกแล้ว สุนัขนี้ไม่ใช่โตเทยยพราหมณ์แน่นอน สมณโคดมพูดพล่อย ๆ พูดได้อย่างไรว่าสุนัขคือพ่อของเรา เราจะไปหาสมณโคดม ให้ยอมรับว่าพูดพล่อย ๆ"

เขาจึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระวิหารเชตวัน ทูลถามว่า ได้ทรงพูดกับสุนัขอย่างนั้นจริงหรือ? พระศาสดาตรัสตอบว่า เราพูดอย่างนั้นจริง, เขาก็ยังไม่เชื่อว่าสุนัขคืออดีตบิดาตรัสถามว่า "มีทรัพย์ที่ท่านอยากได้ แต่ยังไม่รู้ว่าบิดาซ่อนไว้ที่ใดบ้างไหม?" ตอบว่า "มีอยู่คือ พวงมาลัยทองคำมูลค่า ๑ แสน เขียงเท้าทองคำมูลค่า ๑ แสน ตุ่มทองคำมูลค่า ๑ แสนและกหาปณะอีก ๑ แสน ที่ข้าพระองค์ยังหาไม่พบ"

พระพุทธเจ้าทรงแนะว่า "สุนัขตัวนั้นรู้ที่ซ่อน ท่านจงให้สุนัขกินข้าวปายาสน้ำน้อยแล้วอุ้มนอนบนที่นอน เมื่อสุนัขหลับแล้วครู่หนึ่ง ท่านจงถามถึงที่ซ่อนทรัพย์ สุนัขจะบอกแก่ท่าน ท่านก็จงให้สุนัขนำทางไป ขุดพบทรัพย์แล้ว ท่านก็จะไม่สงสัยว่า สุนัขนั้นคือบิดาของท่าน"

สุภมาณพฟังแล้วดีใจอย่างยิ่ง คิดว่า "ถ้าเป็นเรื่องจริง เราก็จะได้ทรัพย์ ๔ อย่างนั้น แต่ถ้าไม่เป็นความจริง เราก็จะประกาศว่า พระสมณโคดมพูดโกหก" เขารีบกลับไปที่เรือน แล้วทำตามที่ทรงแนะให้ทำ...

สุนัขหลับได้ครู่หนึ่ง เขาก็ถามว่า "พ่อ พ่อซ่อนพวงมาลัยทองคำ...ไว้ที่ไหน?" สุนัขฟังแล้วรู้ว่า สุภมาณพรู้แล้วว่าเราเป็นพ่อ จึงลุกขึ้นเห่า แล้วนำทางไปสู่ที่ฝังทรัพย์ ๔ อย่างนั้น ถึงแล้วใช้เท้าตะกุยดิน สุภมาณพให้คนขุดตรงนั้นๆ ก็พบทรัพย์ทั้ง ๔ แล้ว

สุภมาณพขุดพบทรัพย์ เกิดความเลื่อมใสพระพุทธเจ้าผูกปัญหา ๑๔ ข้อไปทูลถาม ได้รับคำตอบแล้ว แสดงตนเป็นอุบาสก

เขานำทรัพย์กลับขึ้นเรือน แล้วนั่งรำพึงว่า "พระสมณโคดมเป็นพระสัพพัญญูจริงการตายแล้วเกิดเป็นอะไรซึ่งลึกลับไม่มีใครรู้ก็ทรงรู้" จิตเกิดความเลื่อมใสคิดอยากจะเข้าเฝ้า จึงรวบรวมปัญหาที่เขาอยากรู้คำตอบมาก ๑๔ ข้อขึ้น แล้วไปเข้าเฝ้าในพระวิหารเชตวันเป็นครั้งที่ ๒...

ครั้นสนทนาปราศรัยแล้ว เขากราบทูลปัญหาเหล่านั้น เช่นอะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้หมู่มนุษย์มีความเลว ความประณีต อายุสั้น อายุยืน มีโรคมากและโรคน้อย? ดังนี้เป็นต้น

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า

"สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีต"

"คนบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด หมกมุ่นในการฆ่า ไม่มีความเอ็นดูสัตว์ ตายแล้วเขาย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก...หากไม่เกิดในอบายมาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดในที่ใดๆ ก็ตาม ในภายหลังเขาจะเป็นผู้มีอายุสั้น...

ส่วนคนบางคนในโลกนี้...ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดการฆ่า...ตายแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์...ถ้าไม่เกิดในสุคติโลกสวรรค์ มาเกิดเป็นมนุษย์...เขาก็จะเป็นผู้มีอายุยืน..

คนบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือบ้าง ก้อนดินบ้าง ท่อนไม้หรือศัสตราบ้าง ตายแล้วย่อมเข้าถึงอบาย...ถ้าไม่เข้าถึงอบาย...มาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดในที่ใด ๆ ก็ตาม ในภายหลังเขาจะเป็นผู้มีโรคมาก

ส่วนคนบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปกติไม่เบียดเบียนสัตว์...ตายแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์....ไม่เกิดในสวรรค์ มาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดในที่ใด ๆ ก็ตาม ในภายหลัง เขาจะเป็นผู้มีโรคน้อย..." ดังนี้เป็นต้น

จบพระธรรมเทศนา สุภมาณพทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา และประกาศตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยตลอดชีวิต (ดู จูฬกัมมวิภังคสูตร ม.อุ.ข้อ ๕๗๙-๕๙๗, ม.อ.๓/๒/ ๒๔๐-๓)


พิมพ์