ปริยัติธรรม
หนังสือ สังสารวัฏ โดย สุรีย์ มีผลกิจ
กามภพ ภพของสัตว์ผู้ยังเสวยกามคุณ ได้แก่ มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖ อบาย ๔
รูปภพ ภพที่เป็นรูปาวจร ภพของสัตว์ผู้เข้าถึงรูปฌาน ได้แก่ รูปพรหม ๑๖ ชั้น
อรูปภพ ภพที่เป็นอรูปาวจร ภพของสัตว์ผู้เข้าถึงอรูปฌาน ได้แก่ อรูปพรหม ๔
ภพภูมิจึงมีทั้งหมดรวม ๓๑ ภูมิ อันได้แก่ กามภูมิ ๑๑ รูปพรหมภูมิ ๑๖ อรูปพรหมภูมิ ๔
กามภูมิ ๑๑
สวรรค์ ๖ ได้แก่
- จาตุมหาราชิกาภูมิ ตั้งอยู่เหนือยอดเขายุคันธร ด้านทิศตะวันออกแห่งภูเขาสิเนรุราช
- ดาวดึงส์ภูมิ ตั้งอยู่เหนือยอดเขาสิเนรุราช สูง ๘๔,๐๐๐ โยชน์
- ยามาภูมิ ตั้งอยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ๔๒,๐๐๐ โยชน์
- ดุสิตาภูมิ ตั้งอยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นยามา ๗๘๔,๘๐๐ โยชน์
- นิมมานรดีภูมิ ตั้งอยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นดุสิตา ไม่มีข้อมูลแสดงไว้
- ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิ ตั้งอยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ไม่มีข้อมูลแสดงไว้
มนุษยภูมิ ๑ ตั้งอยู่ในทวีปทั้ง ๔ คือ ชมพูทวีป อุตตรกุรุทวีป อมรโคยานทวีป และปุพพวิเทหทวีป
อบายภูมิ ๔ ได้แก่
- นรกภูมิ ตั้งอยู่เบื้องล่างผืนแผ่นดินในป่าหิมพานต์ ท่ามกลางจักรวาล
- เปตภูมิ ตั้งอยู่เบื้องบนพื้นแผ่นดิน ตรงนรกขึ้นมาในป่าหิมพานต์
- อสุรกายภูมิ ตั้งอยู่ในระหว่างภูเขาตรีโกฏิที่รองรับภูเขาสิเนรุราช
- เดรัจฉานภูมิ ตั้งอยู่รวมกับมนุษย์ทุกทวีป
รูปพรหมภูมิ ๑๖
รูปพรหมภูมิ ตั้งอยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตีขึ้นไป ๑,๘๓๖,๐๐๐ โยชน์ ถึงปฐมฌานภูมิ
ปฐมฌานภูมิ ๓ คือ พรหมปาริสัชชาภูมิ พรหมปุโรหิตาภูมิ มหาพรหมาภูมิ เป็นภูมิของผู้เจริญปฐมฌาน สูงขึ้นไป ๒,๑๘๖,๔๐๐ โยชน์ จึงถึงทุติยฌานภูมิ
ทุติยฌานภูมิ ๓ คือ ปริตตาภาภูมิ อัปปมาณาภูมิ อาภัสสราภูมิ เป็นภูมิของผู้จริญทุติยฌาน - ตติยฌาน สูงขึ้นไป ๒,๘๘๗,๒๐๐ โยชน์ ถึงตติยฌานภูมิ
ตติยฌานภูมิ ๓ คือ ปริตตสุภาภูมิ อัปปมาณสุภาภูมิ สุภกิณหาภูมิ เป็นภูมิของผู้เจริญจตุตถฌาน สูงขึ้นไป ๒,๘๘๗,๒๐๐ โยชน์ จึงถึงจตุตถฌานภูมิ คือเวหัปผลาภูมิ และ อสัญญสัตตาภูมิ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกัน
จตุตถฌานภูมิ ๗ เป็นภูมิที่อยู่ของผู้เจริญปัญจมฌาน
เวหปผลาภูมิ เป็นภูมิที่อยู่ของบุคคลผู้ได้ปัญจมฌาน
อสัญญสัตตาภูมิ เป็นภูมิที่อยู่ของบุคคลผู้ได้ปัญจมฌาน ที่ปราศจากความยินดีใน สัญญา ปรารถนาภพชาติที่ปราศจากนามธรรม จึงบังเกิดแต่รูปธรรม ที่ท่านเรียกว่า พรหมลูกฟัก สูงจากนี้ขึ้นไป ๓,๒๓๗,๖๐๐ โยชน์ จึงถึงสุทธาวาสชั้นอวิหาภูมิ
สุทธาวาส ๕ เป็นภูมิที่อยู่ของพระอนาคามีบุคคล ที่ได้ปัญจมฌานเท่านั้น
- อวิหาสุทธาวาสภูมิ เป็นภูมิที่อยู่ของอนาคามีบุคคล ที่ได้ปัญจมฌาน สูงจากอวิหาภูมิ ๓,๕๙๘,๐๐๐ โยชน์ จึงถึงอตัปปาสุทธาวาสภูมิ
- อตัปปาสุทธาวาสภูมิ เป็นภูมิที่อยู่ของอนาคามีบุคคล ที่ได้ปัญจมฌาน สูงจากอตัปปาภูมิ ๓,๘๓๘,๔๐๐ โยชน์ จึงถึงสุทัสสาสุทธาวาสภูมิ
- สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ เป็นภูมิที่อยู่ของอนาคามีบุคคล ที่ได้ปัญจมฌาน สูงจากสุทัสสาภูมิ ๔,๒๘๘,๘๐๐ โยชน์ จึงถึงสุทัสสีสุทธาวาสภูมิ
- สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ เป็นภูมิที่อยู่ของอนาคามีบุคคล ที่ได้ปัญจมฌาน สูงจากสุทัสสีภูมิ ๔,๖๓๙,๒๐๐ โยชน์ จึงถึงอกนิฏฐาสุทธาวาสภูมิ
- อกนิฏฐาสุทธาวาสภูมิ เป็นภูมิที่อยู่ของอนาคามีบุคคล ที่ได้ปัญจมฌาน สูงจากอกนิฏฐาสุทธาวาสภูมิ ๔,๙๘๙,๖๐๐ โยชน์ จึงถึงอรูปพรหม ชั้นต้นคือ อากาสานัญจายตนภูมิ
อรูปพรหมภูมิ ๔
- อากาสานัญจายตนภูมิ ภูมิที่อยู่ของบุคคลผู้เจริญ อากาสานัญจายตนฌานกุศล สูงขึ้นจากนี้ ๕,๓๔๐,๐๐๐ โยชน์ จึงถึงวิญญาณัญจายตนภูมิ
- วิญญาณัญจายตนภูมิ ภูมิที่อยู่ของบุคคลผู้เจริญ วิญญาณัญจายตนฌานกุศล สูงขึ้นจากนี้ ๕,๖๙๐,๔๐๐ โยชน์ จึงถึงอากิญจัญญายตนภูมิ
- อากิญจัญญายตนภูมิ ภูมิที่อยู่ของบุคคลผู้เจริญ อากิญจัญญายตนฌานกุศล สูงขึ้นจากนี้ ๖,๐๔๐,๘๐๐ โยชน์ ถึงเนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
- เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ ภูมิที่อยู่ของบุคคลผู้เจริญ เนวสัญญานาสัญญายตนฌานกุศล เป็นอรูปพรหมภูมิที่สูงสุด
(จากวรรณกรรมสมัยรัตนโกสินทร์เล่ม ๒ หน้า ๑๐๗๓-๑๑๑๒)
บรรดาภพภูมิทั้ง ๓๑ ภูมิ ดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นภาชนะรองรับชีวิตสัตว์โลกที่เกิดขึ้นมาในจักรวาล นี้ได้อาศัยสร้างกุศลกรรมเพื่อสั่งสมบุญบารมี เพื่อความสิ้นไปแห่งทุกข์ในสังสารวัฏ หรือสร้างอกุศลกรรม เพื่อก่อสังสารวัฏให้ยาวนานต่อไปอีก ได้ทั้งสองประการ สุดแท้แต่จะเป็นบุคคล สัมมาทิฏฐิ หรือบุคคล มิจฉาทิฏฐิ
** อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต ภาค ๑ เล่ม ๑ หน้า ๑๑๘ กล่าวว่า บรรดาโลกทั้งสาม คือสังขารโลก สัตวโลก และโอกาสโลก สัตว์โลกท่านประสงค์เอาในที่นี้ จริงอยู่พระตถาคตนั้น แม้เมื่ออุบัติในสัตวโลก ก็หาได้เกิด ในเทวโลก และในพรหมโลกไม่ ย่อมอุบัติขึ้นในมนุษยโลกเท่านั้น แม้ในมนุษยโลก ก็หาได้เกิดในจักรวาลอื่นไม่ ย่อมอุบัติเฉพาะในจักรวาลนี้เท่านั้น แม้ในจักรวาลนี้ ก็หาได้อุบัติในที่ทุกแห่งไม่ ย่อมอุบัติในมัชฌิมประเทศ โดยส่วนยาววัดได้ ๓๐๐ โยชน์ โดยส่วนกว้างวัดได้ ๑๕๐ โยชน์ วัดโดยรอบได้ ๙๐๐ โยชน์
** พระตถาคตเมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมอุบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก หาอุบัติด้วยเหตุอื่นไม่ อนึ่งพระตถาคตหาได้อุบัติในจักรวาลนี้ แต่ลําพังพระองค์เดียวไม่ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระอัครมหา สาวกทั้งสอง พระอสีติมหาเถระ ๘๐ แม้ท่านผู้มีบุญอื่น ๆ ก็ย่อมเกิดขึ้นด้วย พระพุทธมารดา พระพุทธบิดา พระเจ้าจักรพรรดิ์ พราหมณ์คฤหบดี ผู้เป็นบุคคลสําคัญเหล่าอื่น ก็ย่อมเกิดในมัชฌิมประเทศ ในจักรวาลนี้เช่นกัน
** พระตถาคตเมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมเสด็จอุบัติเพราะอาศัยความเอ็นดูแก่สัตว์โลก ย่อมเสด็จอุบัติเพื่อ ประโยชน์สุขแก่ชนหมู่มาก ถามว่า แก่สัตว์โลกไหน ? ตอบว่า เพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกผู้สดับพระธรรมเทศนาของ พระตถาคต ได้ดื่มน้ำอมฤตแล้วตรัสรู้ธรรม เพื่อให้ดํารงอยู่ในทางสวรรค์และนิพพาน
** พระตถาคตเมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมเสด็จอุบัติเพราะอาศัยความเอ็นดูแก่สัตว์โลก แม้สัตว์อื่น มีนาค และครุฑ เป็นต้นด้วย ที่ถือปฏิสนธิเป็นสเหตุกสัตว์ ผู้สมควรทําให้แจ้งมรรคและผล
นับว่าเป็นมงคลอันสูงสุดของชาวพุทธทุกคน ที่อัตภาพนี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในจักรวาลนี้ ได้ศึกษา พระสัทธรรมคําสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า มิควรที่จักปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง